แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดโดยประมาท จุดไฟเผาหญ้าในคอกเลี้ยงโคของจำเลย เป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพันธุ์ดีของโจทก์เสียหาย คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้วว่าสวนยางพาราของโจทก์ตั้งอยู่ใกล้คอกโคของจำเลยและโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่ามีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์หรือไม่ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจุดไฟเผาหญ้าในคอกเลี้ยงโคของจำเลยด้วยความประมาท มิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลไฟในตอนที่แดดร้อนจัด สภาพดินแห้งแล้ง ทำให้ไฟลุกลามเข้ามาในสวนยางพาราของโจทก์ เป็นเหตุให้ต้นยางพันธุ์ดีของโจทก์ได้รับความเสียหายจำนวน 90 ต้น รวมเป็นค่าเสียหาย 27,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การว่าไม่เคยจุดไฟเผาหญ้าในคอกโคเป็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามสวนยางของโจทก์ โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ทราบว่าสวนยางพันธุ์ดีของโจทก์ตั้งอยู่ที่ไหนและโจทก์มีเอกสารหลักฐานหรือหนังสือสำคัญเกี่ยวกับที่ดินที่ถูกไฟไหม้ว่าเป็นของโจทก์หรือไม่จำเลยไม่สามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้ เป็นฟ้องเคลือบคลุมต้นยางพาราที่เสียหายมีราคาต้นละ 100 บาท เท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 9,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ระหว่างการพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นางเรียม เทียนแก้วภรรยาของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีประเด็นที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ในข้อนี้จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยกระทำผิดโดยประมาท จุดไฟเผาหญ้าในคอกเลี้ยงโคของจำเลยเป็นเหตุให้ลุกลามไหม้สวนยางพันธุ์ดีของโจทก์เสียหาย โดยมิได้บรรยายฟ้องให้ทราบว่าสวนยางของโจทก์ตั้งอยู่ที่ไหน และโจทก์มีเอกสารหลักฐานอะไรบ้างซึ่งแสดงให้เห็นว่าสวนยางพาราเป็นของโจทก์ เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้วว่าสวนยางพาราของโจทก์ตั้งอยู่ใกล้คอกโคของจำเลยและโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า โจทก์มีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์หรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมชอบแล้ว
พิพากษายืน