แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีไปแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้มีการพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 ได้ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 205(3) ซึ่งเป็นเรื่องคู่ความที่ขาดนัดมาศาลภายหลังที่ได้เริ่มต้นสืบพยานไปบ้างแล้วในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว และศาลเห็นว่าการขาดนัดเป็นไปโดยจงใจหรือไม่มีเหตุอันควร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2516 เวลากลางคืน จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างด้วยความประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ที่นางสาวภิรมย์ บัวมี บุตรของโจทก์ขับขี่ นางสาวภิรมย์ถึงแก่ความตาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 113,860 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1ไม่ใช่ลูกจ้างซึ่งกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ จำเลยที่ 1 ไม่ได้ประมาท โจทก์ เรียกค่าเสียหายมากเกินสมควร ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การ โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาต
วันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาล ทนายจำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาคดีไปโดยจำเลยที่ 2 ไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดและคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีตามคดีนี้ คู่ความที่ขาดนัดไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205(3)ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์เป็นคู่ความที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแสดงว่าขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท จึงอาจมีคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งใหม่
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เป็นคู่ความฝ่ายซึ่งศาลแสดงว่าขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 จึงมีสิทธิขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้ตามมาตราดังกล่าว กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 205(3) เพราะบทบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับเฉพาะคู่ความที่ขาดนัดมาศาลภายหลังที่ได้เริ่มต้นสืบพยานไปบ้างแล้วระหว่างการพิจารณาฝ่ายเดียว และศาลเห็นว่าการขาดนัดเป็นไปโดยจงใจหรือไม่มีเหตุอันสมควร แต่คดีนี้โจทก์มาศาลภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีในประเด็นที่พิพาทแล้ว พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์