คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้เดิมเป็นการตกลงซื้อขายที่ดินกัน ฝ่ายจำเลยไม่มีเงินพอจะจ่ายได้ครบตามจำนวนเงินที่ได้ตกลงซื้อขาย จึงตกลงทำสัญญากู้ขึ้นเฉพาะจำนวนเงินที่ยังขาด ถือว่าเป็นการแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ หนี้เดิม(จำนวนเงินที่ยังขาด) จึงเป็นอันระงับสิ้นไปด้วย การแปลงหนี้ใหม่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349
จำเลยจะอาศัยสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินไปครบถ้วนแล้ว มาเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องชำระเงินตามสัญญากู้ที่แปลงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะหนี้เก่าได้แปลงเป็นหนี้ใหม่แล้ว หนี้เก่าหรือหนี้เดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตาม กฎหมายแล้ว แต่มีหนี้ใหม่เข้ามาแทนหาได้ระงับสิ้นไปด้วยไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อที่ดินจากโจทก์ 1 แปลงเนื่องจากเงินไม่พอชำระค่าที่ดินยังขาดอยู่ 1,800 บาท จำเลยจึงทำสัญญากู้เงินเป็นการชำระค่าที่ดินที่ยังขาดไม่ได้ชำระและเป็นการแปลงหนี้โดยสัญญาให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน เมื่อครบกำหนดชำระเงินจำเลยไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยขอให้ศาลบังคับ

จำเลยสู้ว่าได้ชำระราคาที่ดินให้โจทก์หมดสิ้นแล้ว ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายและโอนที่ดินให้จำเลยเข้าครอบครองแล้วจำนวนเงิน 1,800 บาทที่โจทก์เรียกร้องเป็นดอกเบี้ย800 บาท ที่โจทก์คิดเพิ่มเรียกเกินอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยไม่มีหนี้จะต้องชำระให้โจทก์อีกจึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าเบื้องต้นข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่าจำเลยซื้อที่ดินแปลงที่ 4 ของโจทก์แต่ไม่มีเงินพอจะชำระค่าที่ดินแปลงนี้ จึงทำหนี้ตามสัญญากู้รวมกับเงินสดที่มีจำเลยยอมตนเข้าผูกพันตามสัญญากู้โดยสมัครใจ สัญญากู้รายนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งมีข้อความชัดว่าจำเลยได้รับเงินจำนวน 1,800 บาทไปครบถ้วนตามสัญญาแล้ว จำเลยจะนำสืบเปลี่ยนแปลงเอกสารในเรื่องจำนวนเงินให้น้อยไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีเป็นอันฟังได้ว่าหนี้เดิมเป็นการตกลงซื้อขายที่ดิน ฝ่ายจำเลยไม่มีเงินพอจะจ่ายได้ครบตามจำนวนที่ได้ตกลงซื้อขาย จึงได้ตกลงแปลงเป็นสัญญากู้เฉพาะจำนวนเงินที่ยังขาดจึงเป็นการแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ หนี้เดิม (จำนวนเงินที่ยังขาด) จึงเป็นอันระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 ซึ่งเป็นสัญญาอย่างบริบูรณ์ตามกฎหมายแล้วจำเลยจะอาศัยสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินไปครบถ้วนแล้วมาเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องชำระเงินตามสัญญากู้ที่แปลงขึ้นใหม่หาได้ไม่เพราะหนี้เก่าได้แปลงเป็นหนี้ใหม่แล้ว หนี้เก่าหรือหนี้เดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตามกฎหมายแล้วแต่มีหนี้ใหม่เข้ามาแทนหาได้ระงับสิ้นไปด้วยไม่ส่วนการที่จะนำสืบแก้ไขเอกสารสัญญากู้รายนี้ได้อย่างไรหรือไม่นั้นฝ่ายจำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมา จึงไม่มีข้อวินิจฉัยจึงพิพากษายืน

Share