คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

น. เป็นหลานของ ว. สมัครสอบคัดเลือกเข้ารับราชการจำเลยบอก ว. ว่าจำเลยสามารถติดต่อวิ่งเต้นให้ น. สอบได้ ถ้าต้องการให้หาเงินมาให้ ว. หลงเชื่อมอบเงินให้จำเลยไป ผลที่สุดปรากฏว่า น. สอบไม่ได้ ดังนี้ตามพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ว. มอบเงินให้จำเลยไปก็โดยมุ่งหมายจะให้กรรมการสอบช่วยให้ น. สอบได้ เท่ากับว่า ว. ใช้ให้จำเลยไปจูงใจให้เจ้าพนักงานกรรมการสอบรับทรัพย์สินเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งจะเป็นคุณแก่ น.. อาจถือได้ว่า ว.ใช้ให้จำเลยกระทำความผิดว. จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์คดีนี้ได้ และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 340/2506)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจหลอกลวง ว. ผู้เสียหาย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยสามารถติดต่อวิ่งเต้นให้ น. หลานของ ว.สอบคัดเลือกเข้ารับราชการได้ แต่ต้องเสียเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อ มอบเงินให้จำเลยไป ซึ่งความจริงแล้วจำเลยมิได้ไปติดต่อหรือวิ่งเต้นให้ น. ในการสอบเข้ารับราชการแต่ประการใด ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ฯลฯ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหายได้มอบเงินให้จำเลย เพราะหลงเชื่อคำหลอกลวง แต่จำเลยจะนำเงินไปติดต่อกับใครนั้น คำพยานโจทก์ไม่แน่นอน ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ไปติดต่อกับคณะกรรมการสอบซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันเป็นการผิดกฎหมาย ผู้เสียหายจึงมีสิทธิร้องทุกข์ และพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ฯลฯ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายนพดล รัตนวัน หลานของนายวีระพล สายหอม ได้สมัครสอบคัดเลือกเป็นเสมียนปกครองที่จังหวัดยโสธรจำเลยบอกนายวีระพลว่าถ้าต้องการให้นายนพดลสอบเข้ารับราชการได้ก็ให้หาเงินมา 15,000 บาท โดยจำเลยหลอกลวงนายวีระพลว่า จำเลยสามารถติดต่อวิ่งเต้นให้นายนพดลสอบได้ นายวีระพลหลงเชื่อ ได้มอบเงินให้จำเลยไป ผลที่สุดปรากฏว่านายนพดลสอบไม่ได้ แม้เงินที่นายวีระพลมอบให้จำเลยไปนั้นจำเลยจะเอาไปติดต่อกับใครคำพยานโจทก์ไม่แน่นอน ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ไปติดต่อกับคณะกรรมการสอบ ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย แต่ตามคำอวดอ้างของจำเลยนั้น ไม่ว่าจะหมายถึงการติดต่อกับกรรมการสอบโดยตรงหรือติดต่อโดยผ่านผู้อื่นไปยังกรรมการสอบตามพฤติการณ์ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าที่นายวีระพลมอบเงินให้จำเลยไปก็โดยมุ่งหมายจะให้กรรมการสอบช่วยให้นายนพดลสอบได้เท่ากับว่านายวีระพลใช้ให้จำเลยไปจูงใจให้เจ้าพนักงานกรรมการสอบทรัพย์สินเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งจะเป็นคุณแก่นายนพดลอาจถือได้ว่านายวีระพลใช้ให้จำเลยกระทำความผิด นายวีระพลจึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์คดีนี้ได้ และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 340/2506 ระหว่าง นายหยด จันทร์เพ็ง โจทก์ นายอยู่ ศรีเปรมจำเลย

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share