คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 2 รับเหมาตกแต่งห้องพักของโรงแรมโดยใช้วัสดุและอุปกรณ์ของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นสัญญาจ้างทำของ ต่อมาจำเลยที่ 2 ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ตกแต่งห้องพักก็เป็นกรณีจ้างทำของเช่นเดียวกัน จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นผู้รับเหมาชั้นต้นและผู้รับเหมาช่วงตามลำดับ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับเหมาชั้นต้นต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงในฐานะลูกหนี้ร่วมชำระค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง แม้จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่าจ้างให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็คงต้องรับผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ข้อ 7

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้รับเหมาช่วงงานมาจากจำเลยที่ ๒ และได้จ้างโจทก์ทั้งสิบเอ็ดสำนวนเป็นลูกจ้าง ต่อมาโจทก์ทั้งสิบเอ็ดลาออกจากงานจำเลยที่ ๑ ค้างจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ทั้งสิบเอ็ดสำนวน ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันจ่ายค่าจ้างค้างจ่าย
จำเลยที่ ๑ แถลงรับว่าค้างค่าจ้างโจทก์ทั้งสิบเอ็ดสำนวนบางส่วนและโจทก์รับว่าเป็นจริงดังข้อแถลงของจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองเป็นสัญญาจ้างทำของ จำเลยที่ ๒ จึงมิใช่ผู้รับเหมาชั้นต้น
ศาลแรงงานกลางพิจารณาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันชำระเงินค่าจ้างที่ค้างแก่โจทก์ทุกสำนวน
จำเลยที่ ๒ ทุกสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๒ รับเหมาตกแต่งห้องพักของโรงแรมโดยใช้วัสดุและอุปกรณ์ของจำเลยที่๒ นั้น เป็นสัญญาจ้างทำของระหว่างจำเลยที่ ๒ กับโรมแรม ต่อมาจำเลยที่ ๒ ว่าจ้างจำเลยที่ ๑ ตกแต่งห้องพัก ก็เป็นกรณีจ้างทำของเช่นเดียวกัน เช่นนี้จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๑ ย่อมเป็นผู้รับเหมาชั้นต้นและผู้รับเหมาช่วงตามลำดับ เมื่อโจทก์ทั้งสิบเอ็ดสำนวนเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับเหมาชั้นต้นเช่นนี้จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้รับเหมาชั้นต้นต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม ดังนั้นแม้จำเลยที่ ๒ ได้จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ มิได้จ่ายให้แก่โจทก์ไม่ว่าจะเนื่องด้วยเหตุใดก็ตาม จำเลยที่ ๒ ก็ยังคงต้องรับผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๐๓ ข้อ ๗
พิพากษายืน.

Share