แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกเมื่อเกินอายุความ 1 ปีและจำเลยต่อสู้ว่ามฤดกนั้นได้แบ่งกันแล้วโดยต่างเข้าปกครองเป็นส่วนสัดโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์ปกครองทรัพย์มฤดกรายที่ฟ้องแบ่ง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายนากนางอ่อน ตายายโจทก์มีที่บ้านแปลงหนึ่ง เมื่อ ๔๕ ปีมาแล้วตายายโจทก์ตาย โจทก์จำเลยเป็นผู้รับมฤดกปกครองที่ดินรายนี้รวมกันมาจนทุกวันนี้ บัดนี้โจทก์ขอให้แบ่งแยก จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การรับว่า ที่ดินเป็นของนายนากนางอ่อนจริง จำเลยรับมฤดกปกครองที่รายนี้ตลอดมา ส่วนของโจทก์โจทก์ก็ปกครองมาต่างฝ่ายต่างไม่เกี่ยวข้องกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบพะยานก่อน แล้วพิพากษาให้นางสูกโจทก์และนายปานจำเลยแบ่งที่วิวาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่านายปานจำเลยเถียงว่า เจ้ามฤดกตายมากว่า ๔๐ ปีและได้ปกครองเป็นส่วนสั รับมฤดกต่อกันมาเกิน ๑ ปีแล้วโจทก์เสียสิทธิ์ จึงต้องมีหน้าที่นำสืบก่อนจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกเมื่อเกินอายุความ ๑ ปี โจทก์ต้องแสดงว่าตนครอบครองทรัพย์มฤดกที่ยังมิได้แบ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา ๑๗๘๔ เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า มฤดกรายนี้ได้แบ่งกันแล้วโดยเข้าปกครองเป็นส่วนสัด โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบก่อน จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์