คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นได้กำหนดโทษจำคุกที่จะลงแก่จำเลยแล้วแม้จะให้รอการลงโทษจำคุกไว้ก็ตามจำเลยก็อาจถูกศาลลงโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ได้เมื่อจำเลยกระทำผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติหรือเมื่อไปกระทำความผิดอาญาที่มิได้กระทำโดยประมาทหรือที่มิใช่ความผิดลหุโทษภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา57และ58ฉะนั้นการที่ศาลกำหนดโทษจำคุกจำเลยแต่ให้รอการลงโทษไว้จึงถือว่าศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา20แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 67
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนเห็นสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 กับให้คุมความประพฤติจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ต่อครั้ง เป็นเวลา 1 ปี ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิดตลอดเวลาที่ถูกคุมประพฤติ
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าการที่ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำคุกจำเลยไว้ 1 ปี แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี โดยมิได้ลงโทษปรับจำเลยด้วยเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20เพราะความผิดของจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 67 มีทั้งโทษจำคุกและปรับนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นได้กำหนดโทษจำคุกที่จะลงแก่จำเลยแล้ว แม้ว่าศาลชั้นต้นจะให้รอการลงโทษจำคุกไว้ก็ตาม จำเลยก็อาจถูกศาลลงโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้นั้นได้เมื่อจำเลยกระทำผิดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยหรือเมื่อจำเลยไปกระทำความผิดอาญาที่มิได้กระทำโดยประมาทหรือที่มิใช่ความผิดลหุโทษภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 57 และ 58 กรณีที่ศาลกำหนดโทษจำคุกจำเลยแต่ให้รอการลงโทษไว้จึงถือได้ว่าศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20 แล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share