คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ทุกข้อหา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ในข้อหาลักทรัพย์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา โดยโจทก์มิได้ฎีกา กรณีจึงต้องถือว่าข้อหาความผิดฐานรับของโจรยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ในชั้นฎีกา คดีคงมีปัญหาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำผิดฐานลักทรัพย์โจทก์หรือไม่เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร โค ๒ ตัวของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓๕, ๓๕๗ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสาม
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มีความผิดฐานลักทรัพย์ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่ง ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ในข้อหาฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาโดยโจทก์มิได้ฎีกา กรณีจึงต้องถือว่าข้อหาความผิดฐานรับของโจรตามฟ้องยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ ในชั้นนี้คดีคงมีปัญหาว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ กระทำผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องโจทก์หรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังลงโทษจำเลยที่ ๑ที่ ๒ ในข้อหาลักทรัพย์ไม่ได้
พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share