คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ตายใช้เท้าถีบจำเลยก่อน จำเลยจึงวิ่งไปเอาหอกในเรือนห่างเพียง 1 วาเข้าทำร้ายผู้ตาย ในทันใดนั้น ย่อมเรียกได้ว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง
เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะได้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันฆ่านายไข่ตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษ จำเลยให้การปฏิเสธในตอนต้นแล้วขอให้การใหม่รับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 249, 59 คงจำคุกคนละ 12 ปี

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ 1 ให้ลดโทษตามมาตรา 55 ด้วย คงจำคุกจำเลยที่ 1, 6 ปี นอกจากนี้คงยืน

โจทก์ฎีกาว่าที่ลดโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 55 มิชอบ

ศาลฎีกาเห็นว่าการที่ผู้ตายใช้เท้าถีบเอานายเกิดจำเลยเพราะหาว่านายเกิดจำเลยดูถูกผู้ตาย เรียกได้ว่านายเกิดจำเลยถูกผู้ตายกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงโดยเหตุอันไม่เป็นธรรม นายเกิดจำเลยได้วิ่งไปเอาหอกมาจากในเรือนห่างเพียง 1 วา เข้าทำร้ายผู้ตายในขณะนั้น ก็เนื่องจากนายเกิดจำเลยบรรดาลโทสะขึ้นมานั่นเองยังหาขาดตอนดังที่โจทก์โต้เถียงมาในฎีกาไม่

ส่วนข้อโต้เถียงของโจทก์ที่ว่านายเกิดจำเลยมิได้ยกข้อถูกยั่วโทสะขึ้นเป็นข้อต่อสู้ด้วยนั้นเห็นว่าเมื่อทางพิจารณาได้ความเช่นนั้นศาลย่อมมีอำนาจชี้ขาดวินิจฉัยได้ แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ก็ดี

จึงพิพากษายืน

Share