คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ น. ฟ้องจำเลยว่าทำการก่อสร้างอาคารลงในที่ดินของ น. โดยไม่มีอำนาจ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์สั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยและบริวารเข้าไปอยู่และทำการค้าในที่ดินและอาคารที่กำลังก่อสร้างของ น. ต่อมาศาลชั้นต้นเห็นว่า ย.เป็นบริวารจำเลยมีคำสั่งให้ย. ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามชั่วคราว ดังนี้เมื่อ ย.ต่อสู้ว่าย.ได้จองเช่าอาคารจากจำเลยโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและด้วยความรู้เห็นยินยอมของเจ้าของที่ดิน จึงเป็นเรื่อง ย. ยกข้อต่อสู้ของตนเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก ในชั้นนี้ยังฟังไม่ได้ว่า ย.เป็นบริวารของจำเลยศาลจะบังคับย.ตามคำร้องขอให้จับย. ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายแบบ พหลโยธินฟ้องว่าจำเลยทำการก่อสร้างอาคารลงในที่ดินของนายแนบโดยไม่มีอำนาจ ขอให้หยุดก่อสร้างและส่งมอบที่ดินให้โจทก์ จำเลยให้การว่าตัวแทนของนายแนบตกลงให้จำเลยเช่าที่ดินสร้างตึกแถวและอาคารพาณิชย์ โดยให้จำเลยมีสิทธิเรียกเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้เช่าได้

ในระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยและบริวารเข้าไปอยู่ในที่ดินและอาคารที่กำลังก่อสร้าง ต่อมาโจทก์ขอให้จับจำเลยและนายเยี้ยง แซ่เบ๊ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลยฐานจงใจขัดขืนคำสั่งห้ามชั่วคราว

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วฟังว่า นายเยี้ยงเป็นบริวารของจำเลย มีคำสั่งให้นายเยี้ยงปฏิบัติตามคำสั่งห้ามชั่วคราวของศาลภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคำสั่ง หากไม่ปฏิบัติจะถูกยึดทรัพย์หรือถูกจับกุมและจำขังตามกฎหมาย

นายเยี้ยงอุทธรณ์ว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นายเยี้ยงฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความตามคำสั่งห้ามชั่วคราวของศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 2 เมษายน 2516 ว่าขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล จำเลยได้ให้นายเยี้ยง แซ่เบ๊และบริวารเข้าไปอาศัยอยู่ในอาคารที่ปลูกในที่ดินพิพาทซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และนายเยี้ยงได้เปิดร้านขายอาหารในอาคารนั้น โจทก์ห้ามแล้ว นายเยี้ยงไม่เชื่อฟัง โจทก์จึงมาร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราว ฝ่ายนายเยี้ยง แซ่เบ๊ก็อ้างและนำสืบว่านายเยี้ยงและครอบครัวได้ไปอาศัยอยู่ในอาคารที่ปลูกในที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2515 โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจองเช่าอาคารที่นายเยี้ยงทำกับจำเลย โดยได้เสียค่าตอบแทนให้แก่จำเลยแล้ว เมื่ออาคารสร้างเสร็จแล้ว จำเลยจะพานายเยี้ยงไปทำสัญญาเช่าอาคารกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่านายเยี้ยง แซ่เบ๊ต่อสู้ว่า นายเยี้ยงได้จองเช่าอาคารที่ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทจากจำเลยโดยเสียค่าตอบแทน โดยสุจริตและด้วยความรู้เห็นยินยอมของเจ้าของที่ดิน ทั้งปรากฏตามหลักฐานท้ายคำขอทุเลาการบังคับของนายเยี้ยงในชั้นอุทธรณ์และฎีกาว่านายเยี้ยงได้ฟ้องโจทก์และจำเลยในคดีนี้เป็นจำเลยขอบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา ตามสำนวนคดีแพ่งของศาลแพ่งหมายเลขดำที่ 596/2517 ซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณา จึงเป็นเรื่องที่นายเยี้ยงยกข้อต่อสู้ของตนเป็นส่วนหนึ่งต่างหากในชั้นนี้ยังฟังไม่ได้ว่านายเยี้ยงเป็นบริวารของจำเลย ศาลจะบังคับนายเยี้ยงตามคำร้องขอให้จับนายเยี้ยงหาได้ไม่

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้จับนายเยี้ยง แซ่เบ๊เสีย

Share