แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากฟ้องเช่าของโจทก์ โดยอ้างว่าห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้าได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว
จำเลยต่อสู้ว่าเช่าห้องของโจทก์อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
และจำเลยยังแถลงรับอีกว่าการเช่าไม่มีหนังสือสัญญาต่อกันห้องเช่าอยู่ในทำเลยการค้าขายจำเลยอยู่อาศัยและค้าขายของชำตลอดมา ดังนี้ จำเลยมีหน้าที่ต้องนำสืบว่า จำเลยมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ อย่างไร ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่สืบพยาน จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดีได้ ศาลต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์
(อ้างฎีกาที่ 420/2494)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ ซึ่งอยู่ในที่ชุมนุมการค้า โดยอ้างว่าได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว จำเลยไม่ยอมออก
จำเลยให้การว่า เช่าห้องแถวของโจทก์และอยู่อาศัยในห้องนั้น ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
จำเลยรับว่าการเช่าไม่มีหนังสือ ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้าขาย จำเลยอาศัยอยู่ในห้องนั้นด้วยและได้ค้าขายของชำตลอดมา ห้องเช่าอยู่ในเขตต์เทศบาล
ต่างไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยใช้ห้องเช่าอยู่อาศัย จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยต่างรับกันว่าการเช่ารายนี้ไม่มีหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน จำเลยอ้างความคุ้มครองของพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันอันเป็นกฎหมายพิเศษจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบว่าตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างไร ตามฟ้อง คำให้การและคำแถลงรับยังไม่ได้ความชัดแจ้งพอที่ว่าจำเลยควรจะได้รับความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ กลับได้ความว่าห้องพิพาทอยู่ในทำเลการค้า และจำเลยได้ค้าขายของชำในห้องเช่านั้นด้วย รูปคดีฝ่ายจำเลยไม่มีทางชนะโจทก์ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๒๐/๒๔๙๔ จึงพร้อมกันพิพากษายืน