แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อผลไม้ตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรของโจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยซื้อผลไม้จากโจทก์ ไม่เคยค้างชำระค่าผลไม้ จำเลยซื้อผลไม้จาก ส. และ ด.โดยชำระราคาค่าผลไม้ให้แก่บุคคลทั้งสองไปแล้ว ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่า จำเลยซื้อผลไม้จากโจทก์และชำระราคาแล้วหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยชำระราคาค่าผลไม้แก่ ส. และ ด. โดยบุคคลทั้งสองเป็นตัวแทนเชิดของโจทก์ เท่ากับจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไปครบถ้วนแล้ว จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นที่ว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่ เพราะจำเลยอาจชำระหนี้แก่โจทก์โดยตรงหรือชำระผ่านตัวแทนของโจทก์ก็ได้ มิใช่เรื่องนอกประเด็น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 283,428 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 283,428 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 25 ธันวาคม 2552) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ว่านายสว่างกับนางสาวสุดาเป็นตัวแทนเชิดของโครงการโจทก์เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นนั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อผลไม้ตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรของโจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาซื้อขายผลไม้กับโจทก์ ไม่เคยค้างชำระค่าผลไม้ จำเลยติดต่อซื้อขายผลไม้กับนายสว่างและนางสาวสุดาโดยชำระราคากันเอง ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยซื้อผลไม้จากโจทก์และชำระราคาแล้วหรือไม่ ซึ่งประเด็นการชำระราคานั้น จำเลยให้การว่าได้ชำระให้แก่นายสว่างกับนางสาวสุดาไปแล้ว การที่ศาลชั้นต้นยกข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัยว่า จำเลยชำระราคาค่าผลไม้แก่นายสว่างและนางสาวสุดา โดยบุคคลทั้งสองเป็นตัวแทนเชิดของโจทก์ เท่ากับจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไปครบถ้วนแล้ว จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นที่ว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่ เพราะจำเลยอาจชำระหนี้แก่โจทก์โดยตรงหรือชำระผ่านตัวแทนของโจทก์ก็ได้ มิใช่เรื่องนอกประเด็น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่านายสว่างกับนางสาวสุดาเป็นตัวแทนเชิดของโจทก์เป็นเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
สำหรับปัญหาว่า นายสว่างกับนางสาวสุดาเป็นตัวแทนของโจทก์หรือไม่นั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยังไม่ได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยใหม่ ปัญหาดังกล่าวโจทก์มีนายสว่างกับนางสาวสุดาเป็นพยานเบิกความว่า นายสว่างเป็นประธานคณะกรรมการกลุ่มเกษตรกรจังหวัดตราด และเป็นคณะทำงานดำเนินการตามโครงการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ปี 2546 จังหวัดตราด ตามคำสั่งแต่งตั้งมีอำนาจหน้าที่พิจารณากำหนดราคาผลไม้ (เงาะและมังคุด) เพื่อดำเนินการระบายผลผลิตตามโครงการ และเสนอผลการพิจารณากำหนดราคาผลไม้ประจำวันให้จังหวัดตราดพิจารณาออกประกาศกำหนดราคาในแต่ละวันดังนี้ นายสว่างจึงเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรของโจทก์ข้อเท็จจริงได้ความด้วยว่า นายสว่างกับนางสาวสุดามีการติดต่อซื้อขายผลไม้กับจำเลยเป็นการส่วนตัวมาก่อน จนโจทก์ดำเนินโครงการในปี 2546 ทั้งสองฝ่ายยังติดต่อซื้อขายกันซึ่งในส่วนนี้ได้ความตามบันทึกข้อความลงวันที่ 8 มีนาคม 2549 ที่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นมีไปถึงผู้อำนวยการกองกิจการงานภูมิภาคหารือเรื่องการติดตามหนี้โครงการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ปี 2546 และบันทึกข้อความลงวันที่ 9 ตุลาคม 2551 ที่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นมีไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นมีใจความโดยสรุปถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า เริ่มแรกของการดำเนินงานโครงการ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นได้รับการประสานงานจากสำนักงานการค้าภายในจังหวัดตราดว่า เกษตรกรชื่อนายสว่างและนางสาวสุดาได้มาติดต่อขายผลไม้ที่จังหวัดขอนแก่นและได้ตกลงขายผลไม้ให้แก่จำเลยผู้ซื้อ โดยการสั่งซื้อและชำระค่าผลไม้ดังกล่าว จำเลยนายสว่างและนางสาวสุดาได้ติดต่อและชำระค่าผลไม้กันเอง มิได้ติดต่อและชำระเงินผ่านสำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่น แต่ขอให้สำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นช่วยดำเนินการตรวจรับผลไม้เพื่อเกษตรกรผู้ขายจะขอชดเชยค่าขนส่ง ทั้งนี้ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นได้ตรวจรับการขนส่งผลไม้ของนายสว่างและนางสาวสุดาระหว่างวันที่ 16 ถึง 22 มิถุนายน 2546 รวม 12 ครั้งแล้ว ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวก็คือระยะเวลาที่จำเลยซื้อผลไม้ตามฟ้องตามที่ปรากฏรายละเอียดค่าผลไม้จังหวัดตราดที่จังหวัดขอนแก่นขายให้แก่จำเลย ข้อเท็จจริงตามบันทึกข้อความ แสดงว่าเมื่อสำนักงานการค้าภายในจังหวัดตราดส่งผลไม้ตามฟ้องไปยังสำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นเพื่อมอบแก่จำเลยผู้สั่งซื้อ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นมิได้เรียกเก็บเงินค่าผลไม้จากจำเลยแต่อย่างใด โดยยินยอมให้จำเลยชำระค่าผลไม้โดยตรงแก่นายสว่างและนางสาวสุดาตามที่ได้รับการประสานมาจากสำนักงานการค้าภายในจังหวัดตราด เท่ากับสำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นและสำนักงานการค้าภายในจังหวัดตราดมอบให้นายสว่างและนางสาวสุดาเป็นตัวแทนรับชำระค่าผลไม้ตามฟ้องแทน เมื่อได้ความว่าจำเลยชำระเงินโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากของนางสาวสุดาครบถ้วนแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์อีก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ