แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยผิดคืนวันที่ 3 เมษายน 2491 เวลากลางคืน พะยานโจทก์ว่าเกิดเหตุคืนวันแรม 9 ค่ำ เดือน 4 เวลาประมาณ 5 นาฬิกา รุ่งขึ้นเป็นวันแรม 10 ค่ำ ซึ่งตรงกับวันที่ 3 เมษายน ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา หาต่างกับฟ้องไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า เมื่อคืนวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๙๑ จำเลยได้ลักทรัพย์ของนางสาคร และนายจำปาไป ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๖ จำเลยปฏิเสธ นายจำปา ขอเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงทางพิจารณาต่างกับฟ้อง พิพากษายกฟ้องโดยไม่ได้อาศัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พะยานโจทก์ทุกคนเบิกความว่า เกิดเหตุคืนวันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๔ เวลาประมาณ ๕ นาฬิกาและนายเถาพะยานโจทก์เบิกความต่อไปว่า รุ่งจากคืนเกิดเหตุเป็นวันแรม ๑๐ ค่ำ ซึ่งตรงกับวันที่ ๓ เมษายน และท้ายฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยกระทำผิดในตอนกลางคืน ตอนต้นของวันที่ ๓ เมษายน ซึ่งนับจากเวลา ๐๐.๐๐ นาฬิกามาจนเวลารุ่งเช้าเพราะเวลานั้นเป็นเวลากลางคืนตามกฎหมาย ฉะนั้นตามที่โจทก์หาว่าจำเลยทำผิดในวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๙๑ เวลากลางคืนนั้น หาแตกต่างกับคำพะยานไม่
พิพากษายืน