คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซื้อหุ้นของบริษัท ป. จากโจทก์ โดยโจทก์รับรองว่าจะช่วยเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ของบริษัทให้ การที่จำเลยห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คพิพาท ซึ่งจำเลยสั่งจ่ายให้โจทก์เป็นค่าซื้อหุ้นดังกล่าว เพราะจำเลยจะต้องตรวจสอบบัญชีลูกหนี้ ซึ่งมีรายละเอียดไม่สมบูรณ์ถึง 158 รายการ ที่โจทก์จะต้องไปเรียกเก็บเงินให้จำเลยเสียก่อน ถือว่าไม่เป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริต.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยซื้อหุ้นของบริษัทประมงยานนาวา จำกัด จำนวน 1,998 หุ้น ในจำนวนหุ้นทั้งหมด2,000 หุ้น จำเลยออกเช็ค 5 ฉบับ รวมทั้งเช็คพิพาทชำระเป็นค่าหุ้นให้โจทก์ ในการนี้โจทก์ได้มอบบัญชีลูกหนี้เจ้าหนี้ของบริษัทให้จำเลยไว้ ซึ่งตามบัญชีดังกล่าวบริษัทมีลูกหนี้อยู่ 5,717,920.84 บาท มีเจ้าหนี้อยู่ 828,156.25 บาท และยังได้มอบบัญชีทรัพย์สินและโอนการบริหารกิจการของบริษัทให้จำเลยกับพวกเป็นผู้ดำเนินการปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าจำเลยกระทำผิดดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ ปรากฏตามบัญชีลูกหนี้เจ้าหนี้เอกสารหมาย จ.7 จำนวน 6 หน้ากระดาษ รวม 158 รายการ ที่โจทก์มอบให้จำเลยไประบุแต่จังหวัดและชื่อลูกหนี้เจ้าหนี้ โดยมีแต่ชื่อยี่ห้อทางการค้าบ้าง ชื่อบุคคลที่ไม่ระบุนามสกุลบ้าง ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่ของลูกหนี้เจ้าหนี้จำเลยย่อมไม่รู้จักและสามารถเรียกเก็บหนี้ของบริษัทจากลูกหนี้เพื่อนำมาชำระค่าหุ้นให้โจทก์และหรือนำไปชำระหนี้ของบริษัทได้ จึงมีเหตุให้เชื่อได้ตามที่โจทก์เบิกความว่าหลังขายหุ้นแล้วได้เข้าไปช่วยแนะนำจำเลยเกี่ยวกับการบริหารงานของบริษัท ก็โดยโจทก์รับรองกับจำเลยว่าจะช่วยเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ของบริษัทให้ จำเลยจึงยอมรับซื้อหุ้นจากโจทก์ ดังนั้น การที่จำเลยห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คพิพาทมีเหตุผลให้รับฟังได้ว่าจำเลยจะต้องตรวจสอบบัญชีลูกหนี้ที่โจทก์จะต้องไปเรียกเก็บให้จำเลยเสียก่อน ไม่เป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริต
พิพากษายืน.

Share