คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดแบบเสือซ่อนเล็บยาวประมาณ 7 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 2 ที ที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายใกล้ ๆ รักแร้และที่บริเวณด้านหลัง แต่แผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ลึกไม่มาก ใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน แสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงประสงค์ให้ผู้เสียหาย ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย เพราะหากจำเลยมีเจตนาฆ่า ผู้เสียหาย จำเลยต้องแทงรุนแรงกว่านี้ การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดแบบเสือซ่อนเล็บ 2 เล่ม ยาวประมาณ7 นิ้วฟุต แทงทำร้ายร่างกายนายพวง เจนกสิศาสตร์ผู้เสียหายหลายครั้งโดยมีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และ 80 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และ 80จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 2 ปี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์มีนายแพทย์ชูศักดิ์ เศรษฐิกุลผู้อำนวยการโรงพยาบาลลาดยาว และเป็นผู้ตรวจรักษาบาดแผลผู้เสียหายเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า บาดแผลที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายใกล้ ๆ รักแร้และที่บริเวณด้านหลังอีกหนึ่งแห่ง แผลยาวประมาณ 1เซนติเมตร ลึกไม่มาก เป็นบาดแผลถูกของมีคม ใช้เวลารักษาประมาณ7 วันก็หายบริเวณบาดแผลเป็นที่ตั้งของปอดถ้าแผลเข้าลึกอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงประสงค์ให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจริงแล้ว จำเลยต้องแทงรุนแรงกว่านี้ เพราะมีดที่จำเลยใช้แทงเป็นมีดแบบเสือซ่อนเล็บ2 เล่ม ยาวประมาณถึง 7 นิ้วฟุต ซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธแทงผู้เสียหายให้ทะลุถึงปอดของผู้เสียหายได้ แต่จำเลยหากระทำไม่ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share