แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
กรณีที่คู่ความยื่นอุทธรณ์ ถ้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์หากคู่ความประสงค์จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น คู่ความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ ป.วิ.พ. มาตรา 234 บัญญัติ ถ้าคู่ความไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในระยะเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นจะต้องส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งอีกไม่ได้ เนื่องจากพ้นอำนาจของศาลชั้นต้นไปแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้กันที่ดินโฉนดเลขที่ 4197, 4198, 4229, 13955 พร้อมสิ่งปลูกสร้างและที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 8470 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกครึ่งหนึ่งก่อน และให้จำเลยแบ่งที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างส่วนที่เหลือดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ 2 และที่ 3 คนละ 1 ใน 11 ส่วนหากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งแก่โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ตามส่วนดังกล่าวข้างต้น และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ 2 และที่ 3 โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยยื่นอุทธรณ์ลงวันที่ 15 มีนาคม 2543 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ที่ 2 และที่ 3 มาวางภายใน 15 วัน จึงจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งศาลชั้นต้นเป็นการสั่งในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ก่อนพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 มิใช่คำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับวินิจฉัยมาเป็นการไม่ชอบ พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 กับยกอุทธรณ์และฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกานอกจากนี้ให้เป็นพับ
หลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังแล้ว จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 14 มิถุนายน 2545 ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์จำเลยฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2543 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลย
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 24 มิถุนายน 2545 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2545 ว่าจำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง คืนค่าคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2545 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งว่าจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เป็นการไม่ชอบ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ครบถ้วน จึงถือว่าจำเลยได้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 แล้วนั้น เห็นว่า กรณีที่คู่ความยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นมีอำนาจตรวจคำฟ้องอุทธรณ์และมีคำสั่งรับหรือไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ หากคู่ความประสงค์จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น คู่ความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติ หากคู่ความไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในระยะเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นจะต้องชั้นต้นจะต้องส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งอีกไม่ได้ เนื่องจากพ้นอำนาจของศาลชั้นต้นไปแล้ว ดังนั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 24 มิถุนายน 2545 อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จำเลยโดยจำเลยมิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ชำระตามคำพิพากษามาวางต่อศาลหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดและศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2545 ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง แต่ไม่มีเหตุที่จะต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งใหม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาตามที่จำเลยฎีกาไปเลย ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยจะต้องใช้แทนโจทก์ที่ 2 และที่ 3 เป็นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 234 ดังกล่าว การที่จำเลยเพียงแต่ชำระค่าขึ้นอุทธรณ์โดยที่ไม่นำค่าฤชาธรรมเนียมที่ใช้แทนโจทก์ที่ 2 และที่ 3 มาวางศาลหรือหาประกันไว้ให้ต่อศาลภายในกำหนด จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งมาตรา 234 ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ