คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายทุจริตล่อลวงพานางสุมล (อายุ 17 ปี 6 เดือน) ไปเพื่ออนาจารฉนั้นความผิดของจำเลยจึงต้องด้วย ม. 276 เท่านั้น ไม่ผิด ม. 275 ด้วยเพราะมิใช่เป็นเรื่องเกลี้ยกล่อมพาเด็กไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้มีอำนาจคุ้มครองโดยเจตนาหากำไรหรือเพื่อการอนาจารถึงเด็กจะเต็มใจไปด้วย
เมื่อผู้ใดมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารก็ย่อมเป็นความผิดสมบูรณ์ตาม ม.276 แล้วไม่จำเป็นถึงต้องถูกชำเราหรือถูกทำอนาจารด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายทุจริตเกลี้ยกล่อมล่อลวงพาเอานางสุมลอายุ ๑๗ ปี ๖ เดือนไปจากความปกครองของนางวอย ยาย โดยเจตนาจะหากำไรเพื่ออนาจารแล้วพาไปเพื่อรับจ้างให้ชายชำเรา ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม. ๒๗๕,๒๗๖,๖๓ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.อาญา พ.ศ. ๒๔๗๔ ม.๖
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยกระทำผิดตามตัวบท ก.ม.ที่โจทก์ฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ฎีกา ศาลชั้นต้นไม่รับเป็นฎีกาเฉพาะข้อขอให้ยกโทษกักกันโดยเป็นข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยสมคบกันใช้อุบายทุจริตล่อลวงพานางสุมลไปเพื่ออนาจาร ฉนั้นความผิดของจำเลยจึงต้องด้วยบทบัญญัติ ม. ๒๗๖ แห่ง ก.ม.อาญา มาตรา เดียว การกระทำของจำเลยไม่เข้าบท ม. ๒๗๕ เพราะมิใช่เป็นเรื่องเกลี้ยกล่อมพาเด็กไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้มีอำนาจคุ้มครองโดยเจตนาหากำไรหรือเพื่อการอนาจารโดยเด็กเต็มใจไปกับจำเลยด้วย
และที่จำเลยผิดตาม ม. ๒๗๖ นั้น ไม่จำเป็นว่าผู้เสียหายต้องถูกชำเราหรือทำอนาจารแล้วด้วย เมื่อจำเลยมีเจตนาพาไปเพื่ออนาจารก็เป็นความผิดสมบูรณ์ตามความในมาตรานี้ด้วย
ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองเฉพาะที่วางบทลงโทษจำเลยตาม ม. ๒๗๕,๒๗๖ นั้น เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม ก.ม.อาญา ม. ๒๗๖ ความนอกจากนี้คงยืนตาม

Share