คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยกล่าวต่อโจทก์ด้วยความเชื่อ ว่าโจทก์จ้างคนจะมาฆ่าจำเลย แล้วจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจขอความคุ้มครองดั่งนี้ การกระทำของจำเลยไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท
การพิมพ์โฆษณาเสนอข่าวไปตามธรรมดาโดยได้ข่าวมาจากที่มีผู้ไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจ และการเสนอข่าวมิได้จงใจจะใส่ร้ายดั่งนี้ ย่อมไม่เป็นผิดฐานประมาทเช่นกัน
คดีหมิ่นประมาทที่โจทก์อ้างว่า การกระทำของจำเลยอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยืนยันว่ามีพฤติการณ์ขึ้นดังนั้นถือได้ว่า โจทก์อ้างข้อกฏหมายโดยปราศจากข้อเท็จจริงสนับสนุน.

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า มีคนแปบกหน้าไปบอกจำเลยที่ ๑ – ๒ ว่า โจทก์จ้างตนให้มาฆ่าจำเลย จำเลยพบโจทก์สอบถามโจทก์ว่าจ้างคนมาฆ่าจำเลยใช่ไหม โจทก์ปฏิเสธ จำเลยจึงไปแจ้งความไว้ต่อสถานีตำรวจตามนัยที่ว่ามานั้น ต่อมาหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าของและผุ้จัดการได้ลงข้อความ ซึ่งจำเลยที่ ๑ – ๒ ได้แจ้งความขอความคุ้มครองไว้ต่อตำรวจ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๘๒, ๒๘๖ และ ๓๓๙
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ – ๒ ไปถามโจทก์ตามเรื่องราวที่มีผู้มาบอกว่าจริงหรือไม่ มิได้ใส่ความโดยมุ่งหมายจะให้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๓ ก็เสนอข่าวไปตามธรรมดาโดยได้ข่าวมาจากที่จำเลยที่ ๑ – ๒ ไปแจ้งความมิได้จงใจใส่ร้ายโจทก์ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฏีกาข้อกฏหมายว่าคดีเข้าเกณฑ์ผิดตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๓๙ ไม่ว่าจำเลยจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม
ศาลฏีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการหมิ่นประมาท และที่โจทก์ว่าอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น ศาลล่างก็มิได้ยืนยันว่ามีพฤติกรรมขึ้นดั่งนั้น ถือได้ว่าโจทก์อ้างข้อกฏหมายโดยปราศจากขอเท็จจริงสนับสนุน จึงพิพากษายืน.

Share