คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยข่มขืนกระทำชำเราหญิงผู้เยาว์อายุ 14 ปีเศษซึ่งอยู่ในความปกครองของบิดามารดา ครั้นผู้เยาว์ตั้งครรภ์จำเลยกลัวบิดามารดาของผู้เยาว์จะรู้เรื่องจึงพาผู้เยาว์หนีตามจำเลยไปเป็นภริยาของจำเลย ทั้งๆ ที่จำเลยมีบุตรภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ดังนี้ ถือว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2515)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงแจ่มจันทร์อายุ 15 ปี ต่อมาจำเลยได้พาเด็กหญิงแจ่มจันทร์ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารและเพื่อหากำไร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319, 276

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาให้จำคุก 5 ปีลดรับสารภาพหนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยพาผู้เสียหายไปเลี้ยงดูเป็นภรรยาไม่ใช่พาไปเพื่อหากำไร จึงไม่มีความผิด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานพรากผู้เยาว์ จำเลยคงมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276ให้จำคุก 4 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์ด้วย

ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า ผู้เสียหายมีอายุ 14 ปีเศษ และยังอยู่ในความปกครองของบิดามารดา จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ต่อมาอีกประมาณ 3 เดือน ผู้เสียหายรู้ตัวว่าตั้งครรภ์กับจำเลยจึงได้บอกให้จำเลยทราบ จำเลยกลัวบิดามารดาผู้เสียหายจะรู้เรื่อง จำเลยจึงชวนผู้เสียหายหนีตามจำเลยไปเป็นภริยาของจำเลยผู้เสียหายก็ยินยอมไปกับจำเลย จำเลยมีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายและมีบุตรแล้ว

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 บัญญัติว่า “ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบสามปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษ” ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเริ่มต้นด้วยจำเลยข่มขืนชำเราผู้เสียหาย ต่อมาผู้เสียหายตั้งครรภ์ จำเลยกลัวบิดามารดาผู้เสียหายจะรู้เรื่องจึงพาผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์หนีตามจำเลยไปเป็นภริยาของจำเลยทั้ง ๆ ที่จำเลยก็มีบุตรภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยพรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 และมีความผิดตามมาตรานี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share