คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยเพียงยกขวดแตกขึ้นรับเมื่อผู้ตายโถมเข้าแทงจำเลยทำให้พับแขนของผู้ตายถูกขวดเข้าเองเป็นบาดแผล. และผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา. ฉะนั้นเมื่อจำเลยมิได้ทำร้ายผู้ตาย จำเลยจึงไม่มีความผิด.
แต่สำหรับเหตุการณ์ตอนที่ผู้ตายแทงผู้อื่นพลาดมาถูกจำเลย. เมื่อจำเลยเข้าห้ามการทะเลาะวิวาท แล้วจำเลยใช้ขวดสุราตีศีรษะผู้ตายบาดเจ็บนั้น. ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบ เพราะภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว. แต่การกระทำของจำเลยเนื่องมาจากการที่ผู้ตายข่มเหงโดยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จึงต้องถือว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยเหตุบันดาลโทสะ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ขวดสุราขนาดใหญ่ตีศีรษะผู้ตายหลายทีจนขวดแตกและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย แล้วใช้ขวดแตกส่วนที่เหลือแทงผู้ตายถูกบริเวณแขนขวาตัดเส้นโลหิตใหญ่ขาด ทำให้ผู้ตายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสและถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และขอให้ริบของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ตายจะแทงจำเลย จำเลยจึงยกส่วนของขวดแตกรับ ถูกแขนพับของผู้ตาย การกระทำของจำเลยตอนนี้เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนตอนที่จำเลยใช้ขวดสุราตีศีรษะผู้ตายนั้น กระทำไปโดยบันดาลโทสะ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 72 ให้ปรับ 400 บาท ลดโทษตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 200 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29, 30 ของกลางริบ โจทก์อุทธรณ์ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ความว่า ตามพยานหลักฐานถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยตอนหนึ่งตอนใดเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้การกระทำของจำเลยในตอนแรกที่จำเลยใช้ขวดตีผู้ตายทันทีหลังจากที่ผู้ตายแทงผู้อื่นพลาดมาถูกจำเลยก็เป็นการป้องกันโดยชอบ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง ของกลางไม่ริบ โจทก์ฎีกาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ความว่า การกระทำของจำเลยตอนที่ใช้ขวดสุราตีผู้ตาย ไม่เป็นการป้องกันสิทธิเพราะเป็นคนละตอนกับการใช้ขวดแตกยันรับถูกแขนผู้ตาย ควรถือเป็นความผิดตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ส่วนการกระทำตอนหลังของจำเลยที่ใช้ขวดแตกแทงยันผู้ตายนั้น ไม่น่าจะได้เกิดขึ้น ผู้ตายเจตนาแทงผู้อื่นแต่พลาดไปถูกจำเลย จำเลยน่าจะหลบหลีกไปเสียเหตุการณ์ตอนหลังจึงเกิดขึ้นเพราะจำเลยใช้ขวดสุราตีผู้ตายก่อนและจึงใช้ขวดแตกแทงยันทำร้ายผู้ตาย เมื่อผู้ตายโถมเข้าแทงจำเลยจำเลยจึงควรมีความผิดตามฟ้อง ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า สำหรับเหตุการณ์ตอนหลัง จำเลยมิได้ใช้ขวดแตกแทงผู้ตายดังโจทก์ฎีกา หากแต่ยกขวดแตกขึ้นรับเมื่อผู้ตายโถมเข้าแทงจำเลย แขนของผู้ตายถูกขวดเข้าเองเป็นบาดแผลเส้นโลหิตใหญ่ขาด ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในที่สุดเป็นการป้องกันโดยชอบ จำเลยไม่มีความผิด ส่วนเหตุการณ์ตอนแรกนั้น ภยันตรายจากการกระทำพลาดของผู้ตายได้ผ่านไปแล้ว และไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าผู้ตายจะกระทำพลาดคือแทงมาถูกจำเลยอีก หรือจะทำร้ายจำเลยในขณะนั้น จึงไม่มีเหตุที่จำเลยควรจะคาดคิดว่าจะต้องกระทำเพื่อป้องกันภยันตรายใดการกระทำของจำเลยในตอนแรกนี้ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหากแต่เป็นการทำร้ายร่างกายผู้ตายเนื่องจากผู้ตายข่มเหงแทงจำเลยอันไม่เป็นธรรม เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 ของกลางไม่ปรากฎว่าเป็นของผู้ใด จึงควรริบ พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share