คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขายเมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้รูปคดีต้องด้วย มาตรา 1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลินเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม มาตรา 1310

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายแพปู่ โจทก์ ได้ทำพินัยกรรมยกที่สวนให้โจทก์นางชุบ และเด็กหญิงแดง ซึ่งเป็นพี่น้องของโจทก์โดยมีส่วนเท่ากันและได้แต่งตั้งโดยพินัยกรรมให้นายชม นางผิน บิดามารดาโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแทน ต่อมานายชมได้เอาที่สวนรายนี้ไปขายให้จำเลยโจทก์มีความประสงค์จะเอาที่สวนคืนจำเลยไม่ยอมจึงขอให้ศาลบังคับถ้าไม่สามารถใช้คืนได้ให้ใช้เงิน 20,000 บาท

จำเลยที่ 1 ให้การว่า สวนที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 โดยนายชมกู้เงินจำเลยที่ 2 ไป 680 บาท มีกำหนดชำระ 3 เดือน โดยเอาที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ครอบครองตลอดมา จำเลยที่ 2 ได้ปลูกผลไม้เพิ่มเติมและเรือน 1 หลัง โรงปลูกหมาก 1 หลัง ทำให้ที่ดินราคาเพิ่มประมาณ 48,000 บาท ถ้าศาลพิพากษาให้จำเลยคืนสวน จำเลยขอฟ้องแย้งเรียกค่าทดแทนจำนวนนั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไป ถ้าไม่สามารถคืนที่ดินได้ให้ใช้ราคา 20,000 บาท และยกฟ้องแย้ง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งเสียด้วย เพราะเมื่อโจทก์ยังเรียกร้องเอาที่ดินจากจำเลยไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรจะบังคับตามฟ้องแย้ง

โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยถึงสิทธิของจำเลยตามฟ้องแย้งนั้น ถ้าจำเลยแพ้คดีในชั้นฎีกา จำเลยไม่มีโอกาสได้สิทธิเรียกค่าทดแทนตามฟ้องแย้งได้

ศาลฎีกาเห็นว่าการที่นายชมเอาที่ดินหมายเลข 1 ไปตีใช้หนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 นั้น โจทก์จะเรียกร้องกลับคืนได้หรือไม่ นายชมได้ทำสัญญากับนายล้วนเป็นสัญญากู้เงิน 650 บาท แล้วกล่าวว่าเพื่อเป็นหลักฐานในการกู้เงิน นายชมได้นำสวนผลไม้ 1 แปลงให้ยึดถือไว้เป็นประกัน ถ้านายชมไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนด นายชมยอมยกที่ดินรายนี้ให้เป็นสิทธิแก่นายล้วนจำเลยที่ 2 ตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขาย แต่เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วสัญญาย่อมเป็นโมฆะ จำเลยที่ 2 จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่พิพาทย่อมไม่ได้ โจทก์ย่อมเรียกร้องเอากลับคืนได้ตามมาตรา 1359 ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าทดแทนที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกนั้นทำให้มีราคาเพิ่มขึ้นนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามพฤติการณ์จำเลยปลูกสร้างขึ้นโดยจำเลยรู้ดีแล้วว่าจำเลยไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น จำเลยจะอ้างว่าได้ปลูกทำโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องตามมาตรา 1311 และโจทก์มิได้ประมาทเลินเล่อ โจทก์มีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตามมาตรา 1310 จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share