แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บิดาเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร แล้วบิดาได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้อื่นโดยนำที่ดินให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และกล่าวว่าถ้าไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนดเวลายอมยกที่ดินให้เป็นสิทธิตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง 3 เดือน ดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขาย เมื่อคู่สัญญามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาย่อมเป็นโมฆะ ผู้ให้กู้จะอ้างสิทธิอย่างใดในที่ดินนั้นไม่ได้ บุตรย่อมเรียกร้องเอาที่ดินคืนได้
เมื่อผู้ครอบครองที่ดินของผู้อื่นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นแล้วปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกลงในที่ดินโดยอ้างว่าปลูกทำลงโดยสุจริตไม่ได้ รูปคดีต้องด้วย ม.1311 และเมื่อเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าตนมิได้ประมาทเลิ่นเล่อ เจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.1310
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายแพปู่โจทก์ ได้ทำพินัยกรรมยกที่สวนให้โจทก์ นางซุบ และ ด.ญ.แดงซึ่งเป็นพี่น้องของโจทก์โอนมีส่วนเท่ากัน และได้แต่งตั้งโดยพินัยกรรมให้นายชม นางผิน บิดามารดาโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแทน ต่อมานายชมได้เอาที่สวนรายนี้ไปขายให้จำเลย โจทก์มีความประสงค์จะเอาที่สวนคืน จำเลยไม่ยอมจึงขอให้ศาลบังคับ ถ้าไม่สามารถใช้คืนได้ให้ใช้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า สวนที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๒ โดยนายชมกู้เงินจำเลยที่ ๒ + บาท มีกำหนดชำระ ๓ เดือน โดยเอาที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ ครอบครองตลอดมา จำเลยที่ ๒ ได้ปลูกผลไม้เพิ่มเติมและ+ หลัง โรงปลูกหมาก ๑ หลัง ทำให้ที่ดินราคาเพิ่มประมาณ + ๐๐๐ บาท ถ้าศาลพิพากษาให้จำเลยคืนสวน จำเลยขอฟ้องแย้ง+ยกค่าทดแทนจำนวนนั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพากษาเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง กับให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปถ้าไม่สามารถคืนที่ดินได้ให้ใช้ราคา +๐๐๐ บาท และยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งเสียด้วย เพราะเมื่อ+ยังเรียกร้องเอาที่ดินจากจำเลยไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรจะบังคับตามฟ้องแยง
โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยถึงสิทธิของจำเลยตามฟ้องแย้งนั้น ถ้าจำเลยแพ้คดีในชั้นฎีกา จำเลยไม่มีโอกาสได้สิทธิเรียกค่าทดแทนตามฟ้องแย้งได้
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่นาย+เอาที่ดินหมายเลข ๑ ไปตีใช้หนี้ให้แก่จำเลยที่ ๒ นั้น โจทก์จะเรียกร้องกลับคืนได้หรือไม่ นายชมได้ทำสัญญากับนายล้วนเป็นสัญญากู้เงิน ๖๕๐ บาท แล้วกล่าวว่าเพื่อเป็นหลักฐานในการกู้เงิน นายชมได้นำสวนผลไม้ ๑ แปลงให้ยึดถือไว้เป็นประกัน ถ้านายชมไม่นำต้นเงินมาส่งภายในกำหนด นายชมยอมยกที่ดินรายนี้ให้เป็นสิทธิแก่นายล้วนจำเลยที่ ๒ ตลอดไปซึ่งในกรณีนี้มีเพียง ๓ เดือนดังนี้ย่อมเป็นการทำสัญญาซื้อขาย แต่เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว+ไม่ย่อมเป็นโมฆะ จำเลยที่ ๒ จะอ้างสิทธอย่างใดใน+ได้ โจทก์ย่อมเรียกร้องเอากลับคืนได้ตาม+จำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าทดแทนที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนและสิ่งเพาะปลูกนั้นทำให้มีราคาเพิ่มขึ้นนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามพฤติการณ์จำเลยปลูกสร้างขึ้นโดยจำเลยรู้ดีแล้วว่าจำเลยไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น จำเลยจะอ้างว่าได้ปลูกทำโดยสุจริตไม่ได้รูปคดีต้องตาม ม.๑๓๑๑ และโจทก์มิได้ประมาทเลิ่นเล่อ โจทก์มีสิทธิบังคับให้ผู้ปลูกรื้อถอนไปได้ตาม ม.๑๓๑๐ จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น