แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้-ขอประทานบัตร์ทำเหมืองแร่ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิในที่ดินนั้นมาก่อน และแม้ว่าที่ดินที่ขออนุญาตนั้นจะมิใช่ที่ว่างเปล่าก็ขอได้ แต่ผู้ขอต้องนำหนังสืออนุญาตของเจ้าของที่ดินยื่นพร้องกับเรื่องราวที่ขอโจทก์ขอประมานบัตร์ทำเหมืองแร่ จำเลยโต้แย้งขัดขวางโจทก์ก็มีสิทธิฟ้องขอให้ห้ามอย่าให้จำเลยขัดขวางได้.
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าโจทก์ยื่นคำร้องต่อกองที่ดินและโลหะกิจจังหวัดพังงา ขอประทานบัตร์ทำเหมืองแร่ในที่ดินว่างเปล่า ๑แปลง จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินรายนี้ เป็นเหตุให้กองที่ดินและโลหะกิจจังหวัดพังงาขัดข้องไม่ออกประทานบัตร์ให้โจทก์ ๆ จึงฟ้องขอให้ห้ามอย่าให้จำเลยขัดขวางในการที่โจทก์ยื่นคำร้องขอประทานบัตร์ทำเหมืองแร่
ศาลจังหวัดพังงาเห็นว่าเพียงแต่โจทก์ยื่นคำร้องขอประทานบัตร์ต่อกองที่ดินและโลหะกิจเท่านั้นยังไม่แน่นอนว่าโจทก์จะได้รับประทานบัตร์ทำเหมืองแร่ในที่ดินรายพิพาท เพราะเรื่องราวของโจทก์ก็ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาเท่านั้น โจทก์ยังไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่พิพาท จึงให้งดเสียพะยานและพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีใหม่
จำเลยฏีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลย
ศาลฏีกาเห็นว่าผู้ขอประทานบัตร์ทำเหมืองแร่ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิในที่ดินที่ขอนั้นมาก่อน ตาม พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่นั้นแม้ที่ดินที่ขออนุญาตนั้นจะมิใช่ที่ว่างก็ขอได้ แต่ผู้ขอต้องนำหนังสืออนุญาตของเจ้าของที่ดินยื่นพร้อมกับเรื่องราวที่ขอ คดีนี้โจทก์ขอประทานบัตร์ถือสิทธิทำเหมืองแร่ตาม พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่ซึ่งให้สิทธิโจทก์ขอได้ ฉะนั้นการที่จำเลยโต้แย้งขัดขวางจึงทำให้โจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องได้ตาม ม.๕๕ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์