แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งของคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 นั้น ถือเป็นกฎหมายให้อำนาจจำเลย(พนักงานสอบสวน)จะควบคุมโจทก์ไว้ทำการสอบสวนได้ 30 วัน การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย (ให้พิจารณามาร่วมกับนายอำเภอ) เสียก่อนควบคุมนั้นเป็นเรื่องภายในเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการเท่านั้น หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใดไม่ ความประพฤติของโจทก์ที่จำเลยนำสืบก็เป็นพฤติการณ์ที่มีอยู่ก่อนโจทก์ถูกจับในข้อหาฐานพยายามฆ่าคนแล้วไม่ใช่จำเลยมาสร้างหลักฐานขึ้นภายหลัง การกระทำของจำเลยที่ควบคุมโจทก์ในฐานเป็นบุคคลอันธพาล จึงไม่เป็นผิดตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๓ นำเจ้าพนักงานจับโจทก์ โดยแกล้งกล่าวว่าพยายามฆ่าคน ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ให้จำเลยที่ ๒,๓,๔ ร่วมกันทำร้ายโจทก์ โจทก์จำยอมให้การว่า รับจ้างผู้อื่นยิงจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๑ เป็นพนักงานสอบสวน จำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน โจทก์ได้รับความเสียหาย บาดเจ็บ จำเลยที่ ๑,๒ ควบคุมโจทก์ติดต่อกัน ๓๐ วัน โดยแกล้งกล่าวหาว่าเป็นบุคคลอันธพาล ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗,๒๐๐,๒๙๕,๒๙๗,๓๙๑,๘๒,๘๔,๘๖,๑๓๗,๑๗๒,๓๐๙,๓๑๐
จำเลยที่ ๑,๒ ให้การว่า จับกุมโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าจำเลยที่ ๓ โจทก์ให้การรับสารภาพ จำเลยกระทำหน้าที่โดยชอบ
จำเลยที่ ๓,๔ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๑ ผิดตามมาตรา ๓๑๐,๑๕๗ ลงบทหนักมาตรา ๑๕๗ จำคุก ๑ ปี รอการลงโทษ ๑ ปี นอกนั้นยืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีปัญหาว่า จำเลยที่ ๑ มีอำนาจควบคุมโจทก์ในฐานะบุคคลอันธพาล ๓๐ วันตามประกาศหัวหน้าคณะปฏิวัติได้โดยชอบหรือไม่เท่านั้น เห็นว่า ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๒๑ และกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือที่ ๑๗๗๓๘/๒๕๐๑ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๐๑ วางหลักในการปฏิวัติไว้ว่า ในการจับกุมบุคคลผู้มีพฤติการณ์ตามประกาศนั้นเพื่อทำการสอบสวนในข้อหาใด ให้ปฏิบัติดังนี้ คือ ให้นายอำเภอกับผู้บังคับกองตำรวจหรือหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอ พิจารณาร่วมกันดำเนินการ ในกรณีที่มีความเห็นขัดแย้งกันระหว่างนายอำเภอกับผู้บังคับกองหรือหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ให้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสั่งการ
โจทก์นำสืบว่า โจทก์มีอาชีพทำสวน มีสวนทุเรียน ๑๐ ไร่ นา ๑๒ ไร่ ทำมาหากินอยู่กับนางอีดมารดาและน้อง ไม่เคยไปเที่ยวนอนค้างที่ไหน ไม่เคยมีความประพฤติเสียหาย
จำเลยนำสืบว่า โจทก์มาเที่ยวบ้านพยานขอขนมกินบ้าง พักบ้าง ราษฎรพูดกันว่า โจทก์เล่นการพนัน มีอาวุธปืน ชอบไปเที่ยวบ้านนายห้องนางเขียวซึ่งมีลูกสาว เล่นไพ่ไทย ชวนชาวบ้านเล่นการพนัน พกปืน เอาปืนขู่ลูกสาวนางเขียวให้รักโจทก์ เรื่องอาวุธปืนโจทก์ถูกจับ ศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่จำเลยที่ ๑ มีความเห็นว่า โจทก์ประพฤติตนเป็นบุคคลอันธพาลตามประกาศคณะปฏิวัติก็มีเหตุสมควรอยู่ เมื่อโจทก์ถูกจับในคดีอาญาฐานพยายามฆ่าคน จำเลยก็มีอำนาจที่จะควบคุมโจทก์เพื่อทำการสอบสวนความผิดคดีอาญาได้มีกำหนด ๓๐ วัน แม้จะมีกรณีให้สงสัยว่าจำเลยบันทึกเสนอเรื่องโจทก์เป็นบุคคลอันธพาลต่อนายอำเภอขึ้นหลังจากที่จับโจทก์มาควบคุมแล้ว ก็เป็นเรื่องที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้น คำสั่งของคณะปฎิวัตินั้นถือเป็นกฎหมายให้อำนาจจำเลยที่จะควบคุมโจทก์ไว้ทำการสอบสวนได้ ๓๐ วัน การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบเสียก่อนนั้นเป็นเรื่องภายในอันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการเท่านั้น หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใดไม่ ความประพฤติของโจทก์ที่จำเลยนำสืบนั้น ก็เป็นพฤติการณ์ที่มีอยู่ก่อนโจทก์ถูกจับในข้อหาพยายามฆ่าคนแล้ว ไม่ใช่จำเลยมาสร้างหลักฐานขึ้นภายหลัง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ควบคุมโจทก์ในฐานเป็นบุคคลอันธพาลเป็นการกระทำโดยตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้ ยกฟ้องโจทก์