คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1417/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้จำนำกระบือไว้กับผู้เสียหาย จำเลยได้นำเงินไปขอไถ่กระบือคืนผู้เสียหายไม่ยอมให้ไถ่ จำเลยได้เอาเงินค่าไถ่กระบือวางไว้ให้ แล้วจำเลยต้อนกระบือของจำเลยที่จำนำไว้นั้นไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงในข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันปล้นกระบือของนายเปล่งและพวกของจำเลยได้ทำร้ายนายเปล่ง กับภรรยาบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษ จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 3 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 296 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า นายนวนจำเลยจำนำกระบือไว้กับนายเปล่ง 600 บาทต่อมาขอไถ่ นายเปล่งไม่ยอมไถ่นายนวนได้ไปอีกเป็นครั้งที่สองชวนผู้อื่นและนายตาลูกจ้างของนายนวนไปด้วย นายเปล่งไม่ยอมให้ไถ่ อ้างว่ายังมีหนี้อยู่อีกรายหนึ่ง ให้นายนวนชำระพร้อมกับเงิน 600 บาท จึงจะยอมให้ไถ่ นายเป่งกับนายนวนเกิดโต้เถียงกันนายนวนเอาเงิน 600 บาทวางไว้ให้ แล้วลงเรือนมาต้อนกระบือ 3 ตัว ของนายนวนที่จำนำไว้นั้น เอาออกนอกบ้านนายเปล่ง นายตาลูกจ้างเข้าช่วยนายนวน ดังนี้ นายนวนนายตาไม่มีเจตนาทุจริต ไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์

ส่วนข้อหาฐานทำร้ายร่างกายศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยก ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

พิพากษายืน

Share