คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นทายาทคนหนึ่งที่มีสิทธิรับมรดกของนางตุ้น ผู้ซึ่งถึงแก่ความตายเมื่อวันที่18มีนาคม2525โดยมิได้นำพินัยกรรมหรือตั้งผู้จัดการมรดกไว้และจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางตุ้นตามคำสั่งศาลแต่จำเลยไม่แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ตามส่วนและให้กำจัดจำเลยมิให้รับมรดกจำเลยให้การต่อสู้คดีว่านางตุ้นยกที่พิพาทให้แก่จำเลยต. พ. และส.แล้วตั้งแต่ปี2518ขณะนางตุ้น ยังมีชีวิตอยู่และจำเลยต. พ.และส. ต่างครอบครองที่พิพาทตามส่วนของตนที่นางตุ้นยกให้ติดต่อกันมาตั้งแต่ปี2518จนถึงปี2533หลังจากนางตุ้นตายแล้วจำเลยจึงยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางตุ้นต่อศาลก็เพื่อเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนจากนางตุ้น มาเป็นจำเลยต. พ. และส. เท่านั้นไม่เกี่ยวกับทายาทอื่นอันเป็นการให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยต.พ. และส. แล้วไม่ใช่ทรัพย์มรดกของนางตุ้น ปัญหาที่ว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนางตุ้นหรือไม่จึงเป็นปัญหาที่โจทก์และจำเลยยังโต้เถียงกันอยู่มิได้เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยยอมรับแล้วซึ่งในการที่จะวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานไว้ก็ต้องวินิจฉัยถึงปัญหาดังกล่าวด้วยการที่คู่ความหยิบยกเอาปัญหาดังกล่าวมาท้ากันจึงไม่ขัดต่อกฎหมายไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนทั้งในการท้ากันก็ไม่จำต้องท้ากันตรงตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้คำท้าดังกล่าวไม่เป็นโมฆะ คู่ความตกลงท้ากันว่าถ้าย. ล. ผ. ส. นายวินนายวัน และถ. สาบานต่อหน้าศาลแล้วตอบคำถามศาลถ้ามี4คนขึ้นไปยื่นยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของนางตุ้นจำเลยยอมแพ้ถ้ามี4คนขึ้นไปยืนยันว่าไม่ใช่มรดกของนางตุ้นโจทก์ยอมแพ้ถ้าไม่มีบุคคลใดยอมสาบานและไม่ยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของนางตุ้น หรือไม่ก็ให้ถือเสียงข้างมากแทนปรากฎว่าย. และนายวัน สาบานและตอบคำถามศาลว่าที่ดินดังกล่าวจะเป็นทรัพย์มรดกของนางตุ้นหรือไม่ไม่ทราบล. ผ.ส. และนายวิน สาบานและตอบคำถามศาลว่าที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์มรดกของนางตุ้น ส่วนถ. สาบานตนและตอบคำถามศาลว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของนางตุ้น ดังนี้ที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์แพ้คดีตามคำท้าชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางตุ้นหรือตุ่น หนูอุ่น มีบุตร 11 คน คือนายหย้อง หนูอุ่น นายลาย หนูอุ่น นายเผือก หนูอุ่น(เสียชีวิตแล้ว) นางพุม อินทรนก (เสียชีวิตแล้ว) นางสิ้น พรหมยานายวิน หนูอุ่น นายวัน หนูอุ่น โจทก์ นายถาวร หนูอุ่น และจำเลยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2525 นางตุ้น ถึงแก่ความตายโดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ มีทรัพย์มรดกเป็นที่ดิน 2 แปลง คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 2846 ตำบลเขาเจียก อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุงและโฉนดเลขที่ 6182 ตำบลท่ามิหรำ อำเภอพัทลุง จังหวัดพัทลุงต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2533 ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางตุ้น จำเลยได้แบ่งที่ดินมรดกทั้งสองแปลงให้ทายาทอื่นแต่ไม่ยอมแบ่งให้โจทก์อันเป็นการเอารัดเอาเปรียบและกีดกันโจทก์จำเลยจึงต้องถูกกำจัดไม่ให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควร โจทก์ขอให้จำเลยแบ่งปันทรัพย์มรดกให้โจทก์ตามส่วนแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2846 และ6182 ให้แก่โจทก์ตามส่วนที่จะได้รับหากไม่ปฎิบัติให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ถ้าไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามราคาที่ดิน และให้กำจัดจำเลยมิให้รับมรดกด้วย
จำเลยให้การว่า ก่อนตายนางตุ้นได้แบ่งปันทรัพย์สินให้แก่ทายาททุกคนแล้ว สำหรับที่พิพาททั้งสองแปลงนางตุ้นแบ่งปันให้แก่จำเลย นายตั้ง นางพุม และนางสิ้น ตั้งแต่ปี 2518 และจำเลยกับทายาททั้งสามต่างครอบครองที่พิพาทเป็นส่วนสัดตลอดมาแต่เนื่องจากที่ดินดังกล่าวยังมีชื่อนางตุ้นเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนอยู่ ดังนั้น เมื่อปี 2533 หลังจากนางตุ้นถึงแก่ความตาย จำเลยจึงยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อนำที่พิพาททั้งสองแปลงมาแบ่งกันระหว่างจำเลยและทายาททั้งสาม ซึ่งโจทก์และทายาทอื่นก็มิได้โต้แย้งคัดค้าน จำเลยโอนที่ดินโฉนดเลขที่2846 ให้แก่นางสมทรง ชูหนู บุตรของนางพุม กับโอนโฉนดที่ดินเลขที่ 6182 ให้แก่นายประสพ หนูอุ่น บุตรของนายตั้งและนางสิ้นตามส่วนที่นางตุ้นแบ่งปันไว้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงขอสละประเด็นอื่นทั้งหมด คงติดใจเพียงประเด็นเดียวว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 6182 เป็นมรดกของนางตุ้นหรือไม่ และท้ากันว่าถ้านายหย้อง นายลาย นายเผือก นางสิ้น นายวิน นายวันและนายถาวรได้สาบานต่อศาลแล้วตอบคำถามศาลถ้ามี 4 คนขึ้นไปยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของนางตุ้น จำเลยยอมแพ้ถ้ามี 4 คนขึ้นไปยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวไม่ใช่มรดกของนางตุ้นโจทก์ยอมแพ้ ถ้ามีบุคคลใดไม่ยอมสาบานและไม่ยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของนางตุ้นหรือไม่ ก็ให้ถือเอาเสียงข้างมากแทน
นายหย้อง และนายวันสาบานและตอบคำถามศาลว่าที่ดินดังกล่าวจะเป็นมรดกของนางตุ้นหรือไม่ ไม่ทราบ นายลาย นายเผือกนางสิ้นและนายวินสาบานและตอบคำถามศาลว่าที่ดินดังกล่าวไม่ใช่มรดกของนางตุ้นส่วนนายถาวรสาบานตนและตอบคำถามศาลว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของนางตุ้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำท้าของโจทก์และจำเลยเป็นโมฆะหรือไม่ ที่โจทก์อ้างว่าประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลกำหนดมีว่า จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้ทำการแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทโดยชอบหรือไม่ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพียงใดจึงต้องท้ากันในประเด็นดังกล่าว จะนำข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วตามคำให้การของจำเลยว่า ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกมาท้ากันไม่ได้ เพราะไม่ใช่ประเด็นแห่งคดีและไม่สามารถนำสืบพยานเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ คำท้าดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงเป็นโมฆะนั้น เห็นว่า คำให้การของจำเลยเป็นการให้ว่า นางตุ้น ยกที่พิพาทให้แก่จำเลย นายตั้งนางพุม และนางสิ้นแล้วตั้งแต่ปี 2518 ขณะนางตุ้นยังมีชีวิตอยู่และจำเลย นายตั้ง นางพุม และนางสิ้นต่างครอบครองที่พิพาทตามส่วนของตนที่นางตุ้นยกให้ติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518จนถึงปี 2533 หลังจากนางตุ้นตายแล้ว จำเลยจึงยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางตุ้นต่อศาล ก็เพื่อเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนจากนางตุ้นมาเป็นจำเลย นายตั้ง นางพุมและนางสิ้น เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับทายาทอื่นอันเป็นการให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย นายตั้ง นางพุม และนางสิ้นแล้วไม่ใช่ทรัพย์มรดกของนางตุ้น ดังนั้น ปัญหาที่ว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนางตุ้น หรือไม่ จึงเป็นปัญหาที่โจทก์และจำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ มิได้เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยยอมรับแล้วดังที่โจทก์อ้างซึ่งในการที่จะวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานไว้ก็ต้องวินิจฉัยถึงปัญหาดังกล่าวด้วยการที่คู่ความหยิบยกเอาปัญหาดังกล่าวมาท้ากันจึงไม่ขัดต่อกฎหมายไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งในการท้ากันก็ไม่จำต้องท้ากันตรงตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ คำท้าดังกล่าวไม่เป็นโมฆะ ที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์แพ้คดีตามคำท้าชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share