คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คนร้าย 5 คน มีปืนเป็นอาวุธเข้าทำการปล้นทรัพย์ของ ป.ที่บ้านพักของ ป. ได้เงินสดและทรัพย์สินไปจำนวนหนึ่ง แล้วคนร้ายขู่บังคับ ป. ให้เดินไปกับคนร้ายไปทำการปล้นทรัพย์ที่บ้านของ จ.ซึ่งอยู่ห่างบ้านของ ป.ประมาณ 3 เส้น ได้ทรัพย์ของ จ.ทั้งเงินสดและทรัพย์สินอื่น ๆ หลายรายการ แล้วคนร้ายพากันออกจากบ้านของ จ.ไปปล้นทรัพย์ของ ผ.ที่บ้านพักของผ.ได้เงินสดและทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่ง ดังนี้ การกระทำผิดของคนร้ายเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 3 คนมีอาวุธปืนคนละ1 กระบอก ร่วมกันกระทำผิดหลายกรรม คือ ร่วมกันปล้นทรัพย์ของนางประทีป สายแก้ว เป็นเงิน 7,512 บาท ปล้นทรัพย์ของนางจุไร ขาวภู่ เป็นเงิน 1,589 บาท และปล้นทรัพย์ของนายเผียนเกลี้ยงทอง เป็นเงิน 9,050 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 340, 340 ตรี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 18,151 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสาม
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรม เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 18 ปี เมื่อรวมทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกคนละ50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่นางประทีป สายแก้ว จำนวน 7,512 บาทนางจุไร ภู่ขาว จำนวน 1,589 บาท นายเผียน เกลี้ยงทอง จำนวน9,050 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้เป็นยุติว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย5 คน ทุกคนมีปืนเป็นอาวุธเข้าทำการปล้นทรัพย์ของนางประทีป สายแก้วที่บ้านของนางประทีปได้เงินสดและทรัพย์สินอื่นอีกคิดเป็นราคาเงินรวม 7,512 บาท แล้วคนร้ายขู่บังคับนางประทีปให้เดินไปกับคนร้ายด้วย แล้วคนร้ายทั้ง 5 คน ได้เข้าทำการปล้นทรัพย์ที่บ้านนางจุไร ขาวภู่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของนางประทีปประมาณ 3 เส้นได้ทรัพย์ของนางจุไรทั้งเงินสดและทรัพย์สินอื่น ๆ อีกหลายรายการคิดเป็นราคาเงินรวม 1,589 บาท แล้วพากันออกจากบ้านนางจุไรไปที่บ้านของนายเผียน เกลี้ยงทอง และได้ทำการปล้นทรัพย์ของนายเผียนได้เงินสดและทรัพย์สินคิดเป็นราคาเงินรวม 9,050 บาทจากนั้นพากันหลบหนีไป คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้เพียงว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายทั้งสามคนคดีนี้หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายทั้งสามคนตามฟ้องโจทก์จริง และเห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองที่พิพากษาว่าการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
พิพากษายืน

Share