แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายอำเภอได้ประกาศและมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดทำนาหรือทำประโยชน์ใดรุกล้ำเข้าไปในเขตบึงแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่สาธารณะประโยชน์และหวงห้ามรักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำนั้น ถือว่าเป็นคำสั่ง อันชอบด้วยกฎหมายตามความใน พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ 2457 มาตรา 122 ผู้ใดฝ่าฝืนย่อมเป็นผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 334 (2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องนายอำเภอยะโสธร ได้ประกาศและมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดทำนาหรือทำประโยชน์ใดใดรุกล้ำ เข้าไปในเขตบึงยือฮี ซึ่งเป็นที่สาธารณะประโยชน์และหวงห้าม จำเลยทราบคำสั่งแล้ว บังอาจขัดขืนโดยเข้าทำนาปลูกต้นข้าวในเขตบึงยือฮี ซึ่งเป็นที่สาธารณะประโยชน์และหวงห้าม ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๓๔ (๒) พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ ๒๔๕๗ มาตรา ๑๒๒
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๓๔ (๒) ให้จำคุก ๑๐ วัน ปรับ ๕๐ บาท โทษจำให้รอการลงอาญาไว้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นรับเฉพาะข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้คดีนี้จะฟังว่า บึงยื่อฮีเป็นที่รักษาพันธ์สัตว์น้ำ ซึ่งทางอำเภอได้ประกาศหวงห้ามไว้ตามที่โจทก์นำสืบก็ดี แต่ตามข้อเท็จจริงและสภาพแห่งที่ดินดังกล่าวก็ฟังได้ว่า ที่รายนี้เป็นที่สาธารณะประโยชน์อันราษฎรได้ใช้ประโยชน์ในที่นั้นร่วมกันด้วย ทั้งในฟ้องก็ได้บรรยายว่าบึงยือฮี เป็นทั้งที่สาธารณะประโยชน์และที่หวงห้าม ดังนั้นจะถือเป็นการสืบนอกฟ้องไม่ได้ อีกประการหนึ่งที่จับสั่ตว์น้ำประเภทสาธารณะประโยชน์นั้นตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗ ประกอบด้วย พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ ๒๔๕๗ มาตรา ๑๒๒ ซึ่งบัญญัติให้เป็นหน้าที่กรมการอำเภอ ที่จะต้องตรวจตรารักษาที่สาธารณะประโยชน์ ดังนี้ คำสั่งของนายอำเภอดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย จำเลยขัดขืน จึงมีความผิด
พิพากษายืน