แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันคนหนึ่งถูกแทงที่รักแร้ขวาลึก 3 เซ็นติเมตร อีกคนหนึ่งถูกแทงที่ชายโครงลึกแฉลบไปใต้ผิวหนัง 4 เซ็นติเมตร และอีกคนหนึ่งถูกแทงที่อกซ้ายเหนือราวนมลึก 3 เซ็นติเมตร ซึ่งบาดแผลของบุคคลทั้ง 3 นี้แพทย์ลงความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย ย่อมไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์ และอาวุธที่ใช้ทำร้ายร่างกายก็จับไม่ได้ จึงไม่ถือว่าผู้ทำร้ายมีเจตนาจะฆ่าฉะนั้น จึงลงโทษผู้ทำร้ายฐานพยายามฆ่ามิได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวก และจำเลยที่ 3 กับพวกมีอาวุธมีดไม้และปืนพกสั้นเป็นอาวุธ สมัครใจทำร้ายร่างกายโดยมีเจตนาจะฆ่ากันและกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 83 ริบปืนพก 2 กระบอกของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การว่า ได้สมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน แต่ไม่มีเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามฟ้อง จำคุกคนละ 10 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 5 ปี ปืนของกลางริบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ารูปคดีเป็นเรื่องสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกัน โดยไม่มีเจตนาจะฆ่า พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุกคนละ 6 เดือน ปืนของกลางไม่ได้ความชัดว่าได้ใช้ยิงจำเลยที่ 3 จึงไม่ควรริบ คืนให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า รูปคดียังฟังไม่ถนัดว่าการวิวาททำร้ายกันในคดีนี้ได้มีการใช้อาวุธปืนยิงกันด้วย ส่วนบาดแผลที่นายเชิดถูกแทงที่รักแร้ขวาลึก 3 เซนติเมตร นายสุวรรณ ถูกแทงที่ชายโครงลึกแฉลบไปใต้ผิวหนัง 4 เซนติเมตร นายพัดถูกแทงที่หน้าอกซ้ายเหนือราวนม ลึก 3 เซนติเมตร แผลของบุคคลทั้งสามนี้แพทย์ลงความเห็นว่า รักษา 10 วันหาย และอาวุธที่ใช้ทำร้ายร่างกายก็จับไม่ได้ จึงไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์ จะอนุมานเอาว่าผู้ทำร้ายเจตนาจะฆ่าผู้ถูกทำร้ายให้ถึงตายหาควรไม่
พิพากษายืน