คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสร้างเรือนพิพาทขึ้นเพื่ออยู่กับครอบครัว โดยแยกจากผู้ร้อง ผู้ร้องมีเรือน 2 หลังแฝดอยู่แล้ว เรือนพิพาทปลูกติดกับนอกชานเรือนผู้ร้อง เอาเสาต้นสั้นเกาะจากนอกชาน ถ้าไม่อาศัยเสานอกชานบ้านเก่าด้วยจะปลูกไม่ได้ เช่นนี้ เรือนรายพิพาทมิได้เป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของเรือนผู้ร้อง และอาจเแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหายหรือเปลี่ยนรูปทรง อย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้อง และอาจแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหาย หรือเปลี่ยนรูปทรงอย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107

ย่อยาว

ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่า เรือนที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึด
โจทก์ว่าเรือนที่ยึดเป็นของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า เรือนเป็นของจำเลย ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกาในข้อกฎหมายว่า เรือนพิพาทเป็นส่วนควบของบ้านหลังเดิม เมื่อฟังว่าบ้านหลังเดิมเป็นของผู้ร้อง เรือนพิพาทก็ต้องเป็นของผู้ร้องด้วย
ศาลฎีกาพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมีว่า จำเลยสร้างเรือนพิพาทขึ้นเพื่ออยู่กับครอบครัว โดยแยกจากผู้ร้อง ผู้ร้องมีเรือน ๒ หลังแฝดอยู่แล้ว เรือนพิพาทปลูกติดกับนอกชานเรือนผู้ร้อง เอาเสาต้นสั้นเกาะจากนอกชาน ถ้าไม่อาศัยเสานอกชานบ้านเก่าด้วยจะปลูกไม่ได้ เช่นนี้ เรือนรายพิพาทมิได้เป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของเรือนผู้ร้อง และอาจแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหายหรือเปลี่ยนรูปทรง อย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้อง และอาจแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหาย หรือเปลี่ยนรูปทรงอย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗
ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share