แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยตกลงให้ ป.และโจทก์ทั้งสิบห้าใช้ทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลยเข้าออกสู่ทางสาธารณะตลอดไปจึงไม่มีสิทธิที่จะห้ามมิให้โจทก์ทั้งสิบห้าใช้ทางพิพาทได้ถือว่า ป.และโจทก์ทั้งสิบห้าต่างได้ใช้ทางพิพาทเสมือนว่าตนมีสิทธิที่จะใช้โดยมิได้อาศัยสิทธิของจำเลยเป็นการใช้โดยถือสิทธิเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของทางพิพาทเมื่อเป็นเวลาเกินกว่า10ปีทางพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสิบห้า
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย จดทะเบียน ภารจำยอม ที่ดิน โฉนด เลขที่1555 แก่ โจทก์ ทุกคน
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ได้ แสดง การ หวงห้าม และ สงวนสิทธิไม่ให้ โจทก์ และ บริวาร ใช้ ทางพิพาท มา โดย ตลอด โจทก์ จึง ไม่ได้ภารจำยอม โดย อายุความ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย เปิด ทางพิพาท บน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1555ตำบล อนุสาวรีย์ (กูบแดง) อำเภอ บางเขน กรุงเทพมหานคร และ ให้ จดทะเบียน ทางพิพาท ใน ที่ดิน ดังกล่าว เป็น ภารจำยอม หาก ไม่ปฏิบัติ ให้ ถือเอา คำพิพากษา ของ ศาล แทน การแสดง เจตนา
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง เบื้องต้น ตามที่ โจทก์ จำเลย นำสืบ และ ไม่มี ฝ่ายใด โต้แย้ง คัดค้าน ฟังได้ ว่านาง แป๋ว สุดสาคร นางเม้ย บัวพุด และ นาย มา โพธิ์รอด เป็น พี่น้อง ร่วม บิดา มารดา เดียว กัน โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า เป็น บุตร หลานนาง แป๋ว และ จำเลย เป็น บุตร นาย มา เดิม ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1554เป็น ของ นาง แป๋ว เมื่อ นาง แป๋ว ถึงแก่กรรม ที่ดิน ได้ ตกเป็น ของ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ที่ดิน แปลง นี้ ทิศเหนือ ติด ที่ดิน ของ นาง เม้ย ทิศใต้ ติด ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1555 ของ นาย มา ทิศตะวันออก ติด คลอง วัด พระศรีมหาธาตุ และ ทิศตะวันตก ติด คลอง ชลประทาน เมื่อ ปี 2510 นาย มา ได้ ยก ที่ดิน ของ นาย มา ดังกล่าว ให้ แก่ จำเลย กับพวก และ ปี 2513 ทางเดิน บน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1554 และ โฉนด เลขที่1555 จดทะเบียน เป็น ภารจำยอม แก่ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1553 ส่วน ที่ดินของ นาง เม้ย ซึ่ง อยู่ ด้าน ทิศเหนือ ของ ที่ดิน ของ นาง แป๋ว ต่อมา ได้ ตกเป็น ของ นาย แจ่ม บุตร นาง เม้ย และ มี ทางผ่าน ที่ดิน ของ นาย แจ่ม โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า และ จำเลย เป็น ถนน กว้าง 6 เมตร ยาว ผ่าน ที่ดิน ของโจทก์ ทั้ง สิบ ห้า และ จำเลย คน ละ 40 เมตร ด้าน เหนือ ของ ที่ดิน โจทก์ทั้ง สิบ ห้า เป็น ทาง เข้า หมู่บ้าน จัดสรร ด้าน ทิศใต้ ของ ทาง ส่วน ที่อยู่บน ที่ดิน ของ จำเลย เป็น ทาง ของ นาย อนันต์ สุขสันต์ ซึ่ง ต่อมา ได้ อุทิศ ให้ เป็น ทางสาธารณะ ประโยชน์ ทางสาธารณะ ประโยชน์ นี้ เป็น ทาง ออกไป ยัง ซอย พหลโยธิน 55 และ ถนน พหลโยธิน ปรากฏ ตาม แผนที่ สังเขป เอกสาร หมาย จ. 7 คดี มี ปัญหา ตาม ที่ จำเลย ฎีกา ว่า ทางพิพาท ที่ ผ่านที่ดิน โฉนด เลขที่ 1555 ของ จำเลย ตกเป็น ภารจำยอม แก่ ที่ดิน โฉนด เลขที่1554 ของ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า หรือไม่ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า นำสืบ ว่า เดิมทางพิพาท เป็น คันนา นาง แป๋ว และ ญาติ พี่น้อง ได้ ใช้ เป็น ทาง เข้า ออกจาก ที่ดิน นาง แป๋ว ไป ยัง ทางสาธารณะ เพื่อ อก ไป ยัง ถนน พหลโยธิน เมื่อ นาง เม้ย ยก ที่ดิน ให้ นาย แจ่ม ใน ปี 2510 ต่อมา ปี 2511นาย แจ่ม ได้ ขาย ที่ดิน ให้ นาย ไพรัช โดย มี จำเลย เป็น นายหน้า นาย ไพรัช ซื้อ ที่ดิน ไป จัดสรร แบ่ง ขาย แต่ ไม่มี ทาง ออกจาก ที่ดิน ที่ ซื้อ ไป ยัง ทางสาธารณะ เพราะ มี ที่ดิน ของ นาง แป๋ว และ นาง มาคั่น อยู่ ปี 2512 นาย ไพรัช และ จำเลย จึง ได้ ติดต่อ นาง แป๋ว ขอ ทำ ทาง ออก ผ่าน ที่ดิน ของ นาง แป๋ว เพื่อ ผ่าน ที่ดิน ของ จำเลย ต่อไป ยัง ทางสาธารณะ โดย จำเลย ตกลง ว่า หาก นาง แป๋ว ยอม ให้ นาย ไพรัช ทำ ทางผ่าน ที่ดิน ของ นาง แป๋ว และ จำเลย แล้ว จำเลย ยอม ให้ นาง แป๋ว ใช้ ทางพิพาท ซึ่ง อยู่ บน ที่ดิน ของ จำเลย เป็น ทาง ออก สู่ ทางสาธารณะ ตลอด ไป เรือเอก เฉลิม บุตร นาง แป๋ว ซึ่ง เป็น ตัวแทน นาง แป๋ว ยอม ตกลง ตาม ข้อเสนอ ของ นาย ไพรัช และ จำเลย นาย ไพรัส จึง ทำ ทาง กว้าง 6 เมตร ยาว ตลอด จาก ด้าน ใน ซึ่ง เป็น ทาง ไป สู่ หมู่บ้าน จัดสรร ผ่าน ที่ดิน ของ นาง แป๋ว และ จำเลย ไป ยัง ทางสาธารณะ พิจารณา แล้ว เห็นว่า ข้อ นำสืบ ของ โจทก์ทั้ง สิบ ห้า มีเหตุ ผล เพราะ ตาม แผนที่ สังเขป เอกสาร หมาย จ. 7 ที่ดินที่อยู่ เหนือ ที่ดิน ของ นาง แป๋ว และ จำเลย ไม่มี ทาง ออก ไป ยัง ทาง สาธารณะ เลย ปรากฏว่า นาย มา ยก ที่ดิน ให้ จำเลย เมื่อ ปี 2510เมื่อ ปี 2513 ทาง บน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1554 และ 1555 ได้ จดทะเบียนเป็น ภารจำยอม แก่ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1553 ไม่ปรากฏ ว่า ที่ดินโฉนด เลขที่ 1553 นี้ เป็น ของ ผู้ใด แต่ ตาม พฤติการณ์ เชื่อ ได้ว่าเป็น ที่ดิน ของ นาง เม้ย ซึ่ง ยกให้ แก่ นาย แจ่ม และ นาย แจ่ม ขาย ให้ แก่ นาย ไพรัช นั่นเอง เนื่องจาก เป็น ที่ดิน ที่อยู่ ด้าน ทิศเหนือ ของ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1554 และ 1555 และ ทางภารจำยอม ใน ที่ดินโฉนด เลขที่ 1555 ก็ คือ ทางพิพาท ตาม แผนที่ สังเขป เอกสาร หมาย จ. 7ซึ่ง ข้อ นี้ จำเลย ได้ นำสืบ เจือสม ข้อ นำสืบ ของ โจทก์ กล่าว คือ จำเลย ได้สร้าง โรงเรียน ขึ้น บน ที่ดิน ของ จำเลย ใน ปี 2513 และ ได้ ใช้ ทางพิพาทเข้า ออกจาก โรงเรียน ไป ยัง ทางสาธารณะ ที่ จำเลย อ้างว่า จำเลย สร้างทางพิพาท เอง นั้น ไม่ น่าเชื่อ เพราะ เหตุผล ตาม ข้อ นำสืบ ของ โจทก์ทั้ง สิบ ห้า ดังกล่าว มี น้ำหนัก ดีกว่า ข้อเท็จจริง น่าเชื่อ ตาม ข้อ นำสืบของ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ว่า นาย ไพรัช เป็น คน สร้าง ทาง ตาม แผนที่ สังเขป เอกสาร หมาย จ. 7 รวมทั้ง ทางผ่าน ที่ดิน ของ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า และทางพิพาท ซึ่ง ผ่าน ที่ดิน ของ จำเลย ด้วย ปัญหา ต่อไป มี ว่า จำเลย ได้ ตกลงให้ นาง แป๋ว ใช้ ทางพิพาท เป็น ทาง เข้า ออก สู่ ทางสาธารณะ ตลอด ไป หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า เป็น บุตร หลาน ของ นาง แป๋ว และ นาง แป๋ว เป็น ญาติ สนิท ของ จำเลย นาง แป๋ว และ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ใช้ ทาง พิพาท มา โดย ตลอด โดย จำเลย มิได้ ห้ามปราม มา ประมาณ 20 ปี แล้วมีเหตุ ผล น่าเชื่อ ว่า จำเลย ตกลง ให้ นาง แป๋ว และ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ใช้ ทางพิพาท ตลอด ไป การ ที่ จำเลย มา ห้ามปราม โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ใน ภายหลังนั้น จึง ขัด ต่อ ข้อตกลง หาก จำเลย ไม่ยอม ให้ นาง แป๋ว และ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ใช้ ทางพิพาท ตลอด ไป จำเลย ก็ น่า ที่ จะ ห้ามปราม มา ก่อน หรือ เรียกค่าตอบแทน การ ใช้ ทาง และ จดทะเบียน เป็น ทางภารจำยอม ให้ แก่ ที่ดินของ นาง แป๋ว เช่นเดียว กับ ที่ จำเลย ทำ กับ บุคคลอื่น ข้อเท็จจริง รับฟัง ได้ว่า จำเลย ตกลง ให้ นาง แป๋ว และ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ใช้ ทางพิพาท ตลอด ไป จำเลย จึง ไม่มี สิทธิ ที่ จะ ห้าม มิให้ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ใช้ ทางพิพาทได้ เมื่อ นาง แป๋ว และ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า มีสิทธิ ใช้ ทางพิพาท ตลอด ไป ถือได้ว่า นาง แป๋ว และ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ต่าง ได้ ใช้ ทางพิพาท เข้า ออก สู่ ทางสาธารณะ เสมือน ว่า ตน มีสิทธิ ที่ จะ ใช้ โดย มิได้ อาศัย สิทธิ ของจำเลย ตลอดมา เป็น เวลา ประมาณ 20 ปี แล้ว พฤติการณ์ ใน การ ใช้ ทางพิพาท จึง มี ลักษณะ เป็น การ ใช้ โดย ถือ สิทธิ เป็น ปรปักษ์ ต่อ เจ้าของทางพิพาท ตลอดมา เป็น เวลา เกินกว่า 10 ปี ทางพิพาท จึง ตกอยู่ใน ภารจำยอมแก่ ที่ดิน ของ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ที่ จำเลย ฎีกา ว่า โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า ใช้ ทางพิพาท โดย ถือ วิสาสะ ใน ฐานะ ญาติ มิใช่ การ ครอบครอง เพื่อ สิทธิของ ตน นั้น ฟังไม่ขึ้น ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ว่า ทางพิพาท ตกเป็นภารจำยอม แก่ ที่ดิน ของ โจทก์ ทั้ง สิบ ห้า นั้น ชอบแล้ว ฎีกา จำเลย ฟังไม่ ขึ้น ”
พิพากษายืน