คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่2ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยที่2รับผิดต่อโจทก์ทั้งสี่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นโดยไม่มีรายละเอียดว่านอกฟ้องนอกประเด็นอย่างไรจึงไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้งทั้งปรากฏว่าศาลอุทธรณ์เห็นชอบกับศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่2ไม่มีอะไรให้จำเลยที่2ต้องรับผิดต่อโจทก์อันจะต้องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นฎีกาที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย ภาระจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของจำเลยที่1ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลังเท่านั้นมิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลังอันจะก่อให้เกิดภาระจำยอมในสามยทรัพย์การใช้ทางพิพาทของจำเลยที่1จึงไม่เกิดภารจำยอมแม้จะใช้มาเป็นเวลา10ปีเศษจำเลยที่1ผู้เช่าจะอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภารจำยอมแก่เจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 49373, 49374, 49409 และ 49413แขวงสวนหลวง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เนื้อที่รวมกันประมาณ 5 ไร่ เมื่อประมาณปี 2525 จำเลยที่ 1 ได้ก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอ่อนนุช เพื่อดำเนินกิจการสื่อสารการไปรษณีย์และโทรเลข จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยที่ 1เป็นผู้ดำเนินงานกิจการไปรษณีย์โทรเลขอ่อนนุช จำเลยที่ 2ได้ก่อสร้างถนนคอนกรีตเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกที่ทำการของจำเลยที่ 1 รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ด้านทิศใต้เป็นเนื้อที่ประมาณ 40 ตารางวา ประมาณกลางปี 2533 โจทก์ทั้งสี่ทราบการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงมอบหมายให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนถนนดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันขนย้ายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสี่โฉนดเลขที่ 49373, 49374, 49409 และ 49413 และปรับปรุงที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิมภายใน 1 เดือน นับแต่ศาลมีคำพิพากษาหากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการให้โจทก์ทั้งสี่เป็นผู้ดำเนินการแทนโดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ทั้งสี่ไม่ใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินดังกล่าว จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 จริงแต่ไม่ได้เป็นผู้ก่อสร้างถนนคอนกรีตรุกล้ำที่ดินโจทก์ทั้งสี่ ประมาณปลายปี 2522 จำเลยที่ 1 เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 115304 และ 99844แขวงสวนหลวง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร จากกระทรวงการคลังและได้ก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอ่อนนุชลงในที่ดินดังกล่าวถนนพิพาทเดิมเป็นถนนลูกรัง ต่อมาประมาณปลายปี 2522 ได้มีการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขึ้นแทนที่ เพื่อใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกรถยนต์ของที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอ่อนนุชจำเลยที่ 1 ได้ใช้ประโยชน์ในถนนพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์เข้าออกที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอ่อนนุชโดยความสงบ และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเพื่อใช้เป็นประโยชน์ตลอดมาเกินกว่า10 ปีแล้ว โดยโจทก์ทั้งสี่มิได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใดถนนพิพาทจึงเป็นทางภารจำยอมของกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 115304 และ 99844 จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรื้อถอนถนนพิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ ทั้ง สี่ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ขนย้ายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ตามโฉนดเลขที่49373, 49374, 49409 และ 49413 แขวงสวนหลวง เขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร และปรับปรุงที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม ส่วนคำขอที่ให้โจทก์ทั้งสี่ดำเนินการเองหากจำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการ โดยจำเลยที่ 1เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 49373, 49374, 49409 และ49413 จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลัง โฉนดเลขที่ 115304 และ 99844 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโจทก์ทั้งสี่จำเลยที่ 1 ได้ก่อสร้างที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอ่อนนุชในที่ดินที่เช่าจากกระทรวงการคลัง และก่อสร้างเสร็จเดือนพฤศจิกายน 2523ข้างตึกที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอ่อนนุชด้านติดกับที่ดินโจทก์ทั้งสี่จำเลยที่ 1 ได้สร้างถนนคอนกรีตและใช้เป็นทางให้รถยนต์เข้าออกที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอ่อนนุช ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นพนักงานของจำเลยที่ 1
คดีนี้จำเลยทั้งสองฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะจำเลยที่ 2 ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ทั้งสี่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นนั้น โดยไม่มีรายละเอียดว่านอกฟ้องนอกประเด็นอย่างไร จึงไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้ง ทั้งปรากฏว่าศาลอุทธรณ์เห็นชอบกับศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่มีอะไรให้จำเลยที่ 2ต้องรับผิดต่อโจทก์ อันจะต้องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงไม่เป็นฎีกาที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย ให้ยกฎีกาจำเลยที่ 2
ปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1 มีว่า ทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมของกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 115304 และ99844 ที่จำเลยที่ 1 เช่าหรือไม่ ปรากฏว่าตอนเริ่มต้นเช่าทางพิพาทยังไม่ได้ตกเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของกระทรวงการคลังที่จำเลยที่ 1 ผู้เช่าจะมีสิทธิใช้แต่เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ได้เช่าที่ดินของกระทรวงการคลัง และใช้ทางพิพาทขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ของจำเลยที่ 1 จนครบ 10 ปี ทางพิพาทจะเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของกระทรวงการคลังหรือไม่นั้นเห็นว่าภารจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของสามยทรัพย์ จำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้เช่าที่ดินกระทรวงการคลังเท่านั้น มิได้เป็นการใช้แทนหรือทำในนามหรือเพื่อประโยชน์ของกระทรวงการคลัง อันจะก่อให้เกิดภารจำยอมในสามยทรัพย์ การใช้ทางพิพาทของจำเลยที่ 1 จึงไม่เกิดภารจำยอม แม้จะใช้มาเป็นเวลา10 ปีเศษ จำเลยที่ 1 ผู้เช่าจะอ้างสิทธิว่าได้ใช้ทางพิพาทจนได้ภารจำยอมแก่เจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าหาได้ไม่ เมื่อทางพิพาทไม่ใช่ภารจำยอม จำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีสิทธิจะใช้ทางพิพาทเฉพาะส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ทั้งสี่
พิพากษายืน

Share