แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่เจ้าพนักงานป่าไม้จังหวัดเก็บรักษารถยนต์ของกลางซึ่งเจ้าพนักงานป่าไม้จับกุมได้พร้อมไม้แปรรูปที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา64ทวิวรรคหนึ่งที่ให้อำนาจไว้แม้คดีอาญาจะยังไม่ถึงที่สุดพนักงานสอบสวนยังมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดต่อไปก็ตามแต่การขอคืนรถยนต์ของกลางก็ต้องเป็นไปตามที่พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484มาตรา64ตรีซึ่งได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษให้ผู้มีอำนาจสั่งคืนของกลางคือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ได้แก่เจ้าพนักงานป่าไม้จังหวัดโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนมิใช่ผู้มีอำนาจหรือหน้าที่ในการคืนรถยนต์ของกลางแก่โจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ใช้เพื่อการเกษตร จำเลยเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลบ้านกลาง อำเภอหล่มสักจังหวัดเพชรบูรณ์ ยึดรถยนต์คันดังกล่าวของโจทก์เป็นของกลางในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดหล่มสักมีคำสั่งแจ้งงดการสอบสวนคดีดังกล่าว โจทก์ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ได้ทำหนังสือให้จำเลยมีคำสั่งคืนรถยนต์ให้แก่โจทก์ จำเลยปฏิเสธอ้างว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกคืน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยมีคำสั่งส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวคืนให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลบ้านกลางได้ยึดรถยนต์ไทยประดิษฐ์ ไว้เป็นของกลางเพื่อสอบสวนดำเนินคดีในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ คดีดังกล่าวไม่ปรากฏตัวผู้กระทำความผิด พนักงานสอบสวนได้ปิดประกาศเมื่อวันที่ 24พฤษภาคม 2534 ให้เจ้าของกรรมสิทธิ์นำหลักฐานไปแสดงต่อพนักงานสอบสวนภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศเมื่อครบกำหนด 30 วันแล้วไม่มีผู้ใดนำหลักฐานไปแสดงพนักงานสอบสวนจึงมอบรถยนต์คันของกลางให้กรมป่าไม้ไปเก็บรักษาไว้ตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องการปฏิบัติเกี่ยวกับไม้ของกลางคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติป่าไม้ ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2510 และระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับของกลางในคดีความผิดเกี่ยวกับป่าไม้ พ.ศ. 2533 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2533 รถยนต์คันของกลางไม่อยู่ในความดูแลของจำเลย จึงไม่มีอำนาจสั่งคืนให้โจทก์เจ้าพนักงานป่าไม้ผู้เก็บรักษาของกลางมีอำนาจยึดรถยนต์คันของกลางไว้ จนกว่าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ปรากฏว่าในคดีดังกล่าวพนักงานอัยการเพียงแต่สั่งงดการสอบสวนไว้เท่านั้น ยังมิได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแต่ประการใด หากโจทก์ประสงค์จะขอรับรถยนต์คันของกลางคืน ต้องยื่นคำร้องขอคืนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ผู้เก็บรักษา เพื่อขออนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งคืน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์พิพาท ซึ่งเป็นของกลางที่เจ้าพนักงานป่าไม้จับกุมได้พร้อมทั้งไม้แปรรูปที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ปรากฏตัวผู้กระทำผิด รถยนต์พิพาทถูกยึดไว้เป็นของกลางในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้และอยู่ในความดูแลรักษาของเจ้าพนักงานป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลย จำเลยเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยให้สั่งคืนรถยนต์พิพาทแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484ที่เกี่ยวกับความผิดอาญานั้น พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 64 ให้ถือว่าเจ้าพนักงานป่าไม้หรือพนักงานป่าไม้เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 64 ทวิ วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ว่า “ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดบรรดาเครื่องมือเครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆที่บุคคลได้ใช้หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 11มาตรา 48 มาตรา 54 หรือมาตรา 69 ไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ จนกว่าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือจนกว่าคดีถึงที่สุด ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดหรือของผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่” ดังนี้การที่เจ้าพนักงานป่าไม้ จังหวัดเพชรบูรณ์เก็บรักษารถยนต์พิพาทไว้จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามบทกฎหมายดังกล่าวที่ให้อำนาจไว้แม้คดีอาญาดังกล่าวจะยังไม่ถึงที่สุดพนักงานสอบสวนยังมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดต่อไปก็ตาม แต่การขอคืนของกลางรถยนต์พิพาทนั้นก็ต้องเป็นไปตามที่พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 64 ตรี ซึ่งได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษกล่าวคือ ผู้มีอำนาจสั่งคืนของกลางคือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ได้แก่ เจ้าพนักงานป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำเลยมิใช่ผู้มีอำนาจหรือหน้าที่ในการคืนของกลางรถยนต์พิพาทแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ชอบแล้ว”
พิพากษายืน