คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 10 วรรคห้า มีความหมายว่าสิทธิในการเรียกร้องหรือในการฟ้องคดีเพื่อเรียกคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียนั้น จะต้องฟ้องเสียภายในสองปีนับแต่วันที่นำของเข้า และถ้าเป็นการเรียกร้องหรือฟ้องคดีเพื่อขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนักหรือราคาแห่งของใด ๆ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของใด ๆ นอกจากจะต้องเรียกร้องหรือฟ้องคดีภายในสองปีแล้ว กฎหมายยังบัญญัติไว้อีกว่าจะต้องแจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบว่าจะยื่นคำเรียกร้องด้วย
โจทก์นำของเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2521 อ้างว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรสั่งเพิ่มราคาของให้สูงขึ้น เพื่อประเมินเรียกเก็บภาษีอากรแต่โจทก์ฟ้องคดีเรียกคืนภาษีอากรที่เสียเพิ่มขึ้นดังกล่าว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2529 ดังนี้ แม้โจทก์จะได้แจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบของว่าจะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากร คดีของโจทก์ก็ขาดอายุความตาม มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้สั่งซื้อผ้าผืนทอด้วยใยประดิษฐ์เข้ามาในราชอาณาจักร โจทก์กรอกรายการสินค้าและราคาตามที่ซื้อมาในใบขนสินค้าเพื่อผ่านพิธีการตรวจสอบเพื่อเสียภาษีตามกฎหมาย พนักงานศุลกากรของจำเลยได้สั่งให้ตัวแทนของโจทก์เพิ่มราคาสินค้าให้สูงขึ้นจากราคาที่ซื้อขายจริง ทำให้โจทก์ต้องเสียภาษีอากรเพิ่มขึ้น ต่อมาโจทก์ทราบว่าการสั่งเพิ่มราคานั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องโจทก์ได้อุทธรณ์โต้แย้งขอเงินคืน แต่จำเลยตอบปฏิเสธ ขอให้ศาลพิพากษาว่าคำสั่งให้เพิ่มราคาสินค้าเพื่อเรียกเก็บภาษีอากรไม่ถูกต้อง ให้จำเลยคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วโจทก์มิได้เสียภาษีอากรเกินกว่าที่จะพึงจะต้องเสียการเพิ่มราคาสินค้าของโจทก์เป็นการเพิ่มโดยสมัครใจการคำนวณภาษีอากรของเจ้าหน้าที่จำเลยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ในวันนัดชี้สองสถานศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้งดการสืบพยานทั้งสองฝ่ายโดยเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ในปัญหาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช ๒๔๖๙ มาตรา ๑๐ วรรคห้ามีความหมายว่าสิทธิในการเรียกร้องหรือในการฟ้องคดีเพื่อเรียกคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียนั้นจะต้องฟ้องเสียภายในสองปีนับแต่วันที่นำของเข้าและถ้าเป็นการเรียกร้องหรือฟ้องคดีเพื่อขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนักหรือราคาแห่งของใด ๆ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของใด ๆ นอกจากจะต้องเรียกร้องหรือฟ้องคดีภายในสองปีแล้วกฎหมายยังบัญญัติไว้อีกว่าจะต้องแจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบว่าจะยื่นคำเรียกร้องด้วย
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในฟ้องของโจทก์ได้ความว่าโจทก์นำของเข้ามาเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๒๑ แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่๑๕ ตุลาคม ๒๕๒๙ ดังนั้นแม้หากโจทก์จะได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบว่าจะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากรคดีของโจทก์ก็ขาดอายุความตามนัยที่กล่าวแล้วข้างต้นบทบัญญัติมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช ๒๔๖๙ หาได้หมายความว่าเมื่อโจทก์ทวงถามค่าอากรที่เสียเกินภายในสองปีแล้วโจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนจากจำเลยได้ภายใน ๑๐ ปีอย่างที่โจทก์เข้าใจไม่ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาชอบแล้วอุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share