คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตำรวจมีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดอาญา ซึ่งตนไปนอกเขตที่ตนประจำการอยู่ได้ และเมื่อเรียกสินบนจากผู้กระทำผิดนั้นก็ต้องเป็นผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกสินบน (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2489)

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจภูธรประจำอยู่ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้ติดตามจับผู้ร้ายมาในท้องที่อำเภออุทุมพร จังหวัดศรีษะเกษ จำเลยได้จับนายพรหมกับพวกในท้องที่จังหวัดศรีษะเกษซึ่งกำลังดื่มสุราเถื่อนอยู่ แล้วจำเลยบังอาจเรียกเอาเงินจากนายพรหม กับพวกเป็นสินบนเพื่อปล่อยให้พ้นความผิด โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 137, 138 และมาตรา 142

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีอำนาจจับกุมนายพรหมกับพวก เพราะเหตุเกิดนอกเขตที่จำเลยรับราชการอยู่ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ปัญหาว่า จำเลยโดยตำแหน่งหน้าที่เป็นตำรวจมีอำนาจจับนายพรหมกับพวกนอกเขตที่ตนรับราชการอยู่หรือไม่นั้นศาลฎีกาเห็นว่า อำนาจและหน้าที่ของตำรวจในฐานะพนักงานสืบสวนนั้นบัดนี้ได้มีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติวางอำนาจและหน้าที่ไว้โดยชัดเจนแล้วตาม มาตรา 2(16) ตำรวจคือเจ้าพนักงานที่กฎหมายให้มีอำนาจและหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนและในมาตรา 17 ได้บัญญัติว่า ตำรวจมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ ไม่มีบทบัญญัติในที่ใดว่า ตำรวจจะทำการสืบสวนคดีอาญาได้แต่เฉพาะในเขตที่ตนประจำการอยู่ ตรงกันข้ามกลับมีกฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบตำรวจ เพื่อให้ตำรวจแสดงตนว่าเป็นตำรวจได้ในทุกสถานที่เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้แสดงตนเป็นตำรวจจับกุมนายพรหมกับพวกแล้วเรียกสินบนแทนการนำส่งสถานีตำรวจตามที่บัญญัติไว้ในวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 และ 84 จำเลยก็ต้องมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 138 วรรค 2 พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share