แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.653 วรรค 2 ใช้บังคับฉะเพาะการชำระหนี้เงินกู้จะใช้แก่หนี้อย่างอื่นไม่ได้
การคืนเงินที่ได้รับจากการซื้อขายนั้นแม้ทำยอมใช้เงินนั้นที่อำเภอ ก็ไม่จำต้องมีใบรับหรือเวนคืนเอกสารคู่ความย่อมนำพะยานบุคคลมาสืบได้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานก่อนถึงกำหนดเวลาที่จำเลยมีสิทธิจะยื่นบัญชีระบุพะยานตาม ม.88 แล้วตัดสินคดีนั้นเมื่อจำเลยอุทธรณ์จำเลยยื่นคำร้องขอสืบพะยานเพิ่มเติมได้
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นตัดสินวันที่ 11 กรกฎ.จำเลยยื่นอุทธรณ์วันที่ 22 กรกฎ และในวันเดียวกันนี้จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอสืบพะยานเพิ่มเติม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าซื้อฝ้ายจากจำเลยตามที่จำเลยได้รับล่วงหน้า และจำเลยได้ทำยอมที่อำเภอยอมคืนเงินใช้ให้โจทก์จำเลยค้างชำระอีก ๔๐๐ บาท
จำเลยรับว่าได้รับเงินและทำยอมที่อำเภอจริง แต่หลังจากนั้นจำเลยชำระให้แล้วจนโจทก์เวนคืนเอกสารให้จำเลย
ศาลจังหวัดพระตะบองให้จำเลยสืบก่อน แต่จำเลยไม่ได้นำเอาสารมาสืบ ศาลจึงสั่งว่าจะนำพะยานบุคคลมาสืบไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๖๕๓ และวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.๙๔ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยนำพะยานบุคคลมาสืบได้ อุทธรณ์และคำร้องของจำเลยฟังขึ้นอนุญาตให้อ้างพะยานเพิ่มเติม แล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๖๕๓ วรรค ๒ บังคับฉะเพาะการชำระเงินกู้ยืม จะใช้กับหนี้ในคดีนี้ไม่ได้ ส่วน ม.๓๒๖ ก็ไม่ได้บังคับว่าการชำระหนี้จะใช้ไม่ได้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ได้เรียกเอาใบเสร็จหรือเรียกคืนหลักฐานแห่งหนี้ การชำระหนี้รายนี้ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีเอกสารมาแสดง ส่วนข้อที่จำเลยยื่นคำร้องขอสืบพะยานเพิ่มเติมนั้น ศาลสั่งงดสืบพะยานจำเลยก่อนถึงกำหนดเวลาที่จำเลยมีสิทธิจะยื่นบัญชีระบุพะยานตาม ป.ม.วิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลอุทธรณ์อนุญาตจึงเป็นการชอบจึงพิพากษายืน