แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพรรคพวกได้สมคบกันมาทำร้าย ฉ. โดยแบ่งหน้าที่กัน คือจำเลยกับพวกขึ้นไปฟัน ฉ. ที่บนเรือนส่วนพวกอีกคนหนึ่งมีอาวุธปืนรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน และคอยช่วยเหลืออยู่ข้างล่าง คนที่อยู่ข้างล่างยิง ฉ. ขณะที่หนีลงเรือน กระสุนปืนพลาดไปถูกภรรยา ฉ. ตายดังนี้จำเลยย่อมมีผิดฐานเป็นตัวการฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย
ย่อยาว
ความว่า จำเลยที่ 1 ทะเลาะกับนายเฉลียว ถึงกับจำเลยที่ 1 ผลักเตะและเอามีดไล่ฟันนายเฉลียว ๆ ไปแจ้งอำเภอ อำเภอนัดให้จำเลยไปแก้คดี แต่เกิดเหตุเรื่องนี้เสียก่อน ในวันเวลาเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขึ้นบันไดมากับพวก 2 คน ใช้มีดฟันนายเฉลียว ๆ หลบทัน มีดพลาดไปถูกกรอบประตู นายเฉลียวคว้าฉมวกข้างตัวแทงถูกจำเลยที่ 1 ที่หน้าอกตกบันไดลงไปพร้อมกับพวกอีก 2 คนแล้วนายเฉลียวกับภรรยาหนีลงเรือนพร้อมกัน พอถึงพื้นดิน พวกของจำเลยที่ 1 อีกคนหนึ่ง ซึ่งพยานโจทก์เข้าใจว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้น้องชายของจำเลยที่ 1 ซึ่งแอบซ่อนอยู่ข้างล่าง ได้ใช้ปืนยิงนายเฉลียว แต่พลาดไปถูกนางเกษรถึงแก่ความตาย โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 2 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 255, 60, 250, 249 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 20 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ปล่อยจำเลยทั้งสอง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 กับพวกรวมทั้งผู้ที่ยิงนางเกษรได้สมคบกันมาทำร้ายนายเฉลียวแต่แรก เนื่องจากมีสาเหตุที่มีอยู่ต่อกันระหว่างจำเลยที่ 1 กับนายเฉลียว เมื่อจำเลยที่ 1 กับพรรคพวกมาถึงบ้านนายเฉลียว ก็ได้แบ่งหน้าที่กัน คือ จำเลยที่ 1 กับพวก 2 คนขึ้นไปฟันนายเฉลียวด้วยดาบที่บนเรือน ส่วนพวกอีกคนหนึ่งมีอาวุธปืนรับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน และคอยช่วยเหลืออยู่ข้างล่างโดยใกล้ชิด เมื่อจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนขึ้นไปทำร้ายนายเฉลียวไม่ได้ผล กลับถูกแทงตกลงมา พวกอยู่ข้างล่างจึงแก้แค้นแทน โดยยิงนายเฉลียวในขณะที่ลงจากเรือนมาที่พื้นดินแต่กระสุนพลาดไปถูกนางเกษร ซึ่งอยู่ชิดกับนายเฉลียวตาย ดังนี้เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่สมคบกันมานั่นเองจำเลยที่ 1 จึงต้องมีผิดฐานเป็นตัวการฐานฆ่าคนโดยเจตนา ส่วนจำเลยที่ 2 ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องชอบแล้ว
พิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามศาลชั้นต้น นอกนั้นยืนตามศาลอุทธรณ์