แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้เช่าที่พิพาทซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ที่พิพาทจึงเป็นที่ดินซึ่งผู้ให้เช่าและผู้เช่าตกอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันประกาศพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ฉะนั้นที่พิพาทจึงเป็น ‘ที่ดินควบคุม’ ตามนัยมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัตินี้ โจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลยและบริวาร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้อาศัยอยู่ในที่ดินซึ่งโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยก็ไม่ยอมออก ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์ และส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย กับใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยสู้ว่า จำเลยเช่าที่พิพาทจากผู้มีชื่อ โจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทไปโจทก์จึงต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอน จำเลยได้ส่งค่าเช่าให้โจทก์แล้ว โจทก์ส่งคืนโดยอ้างว่าไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย ที่พิพาทเป็นที่ควบคุม โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 โจทก์ไม่เสียหายตามฟ้อง โจทก์ใช้สิทธิฟ้องโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยอยู่ในที่ดินของโจทก์ด้วยการเช่าและเมื่อโจทก์ได้รับซื้อโอนที่ดินมา โจทก์ก็ต้องรับโอนสิทธิและหน้าที่การเช่าระหว่างจำเลยกับเจ้าของที่ดินเดิมด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้เช่าที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ที่พิพาทจึงเป็นที่ดินซึ่งผู้ให้เช่าและผู้เช่าตกอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันประกาศพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ฉะนั้น ที่พิพาทจึงเป็น “ที่ดินควบคุม” ตามนัยมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัตินี้ โจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลยและบริวาร
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์