แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เข้าครอบครองปรปักษ์นั้นหาจำต้องจดทะเบียนสิทธิครอบครองแต่อย่างใด ก็สามารถใช้ยันต่อเจ้าของที่ดินโฉนดได้
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ศาลรวมพิจารณาพิพากษา คู่ความพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินชายทะเล ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี โจทก์สำนวนแรกฟ้องว่าได้ซื้อที่รายพิพาทจากนายใช่มา ๑๒ ปี และครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมา ส่วนโจทก์สำนวนหลังฟ้องว่าได้ซื้อที่รายพิพาทจากนายดามา ๒๕ ปี แล้วได้ล้อมรั้วปลูกเรือนทำสวนผลไม้ตลอดมา โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิตาม ก.ม.แล้ว ขอให้ห้ามจำเลยอย่าให้มาเกี่ยวข้องและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดให้แก่โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่าที่รายพิพาทเป็นที่มีโฉนดของ ม.ล.หญิงสงวน สุรศักดิ์มนตรี นายใช่หรือนายดาไม่มีอำนาจขาย จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ม.ล.หญิงสงวน จึงประกาศขอรับมรดกตามหน้าที่เพื่อรวบรวมทรัพย์ โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทเพื่อที่จะให้กรรมสิทธิเป็นปรปักษ์ต่อกรรมสิทธิของ ม.ล.หญิงสงวน และ ม.ล. หญิงสงวนไม่ได้ขาดการครอบครอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิที่พิพาทแล้ว ตาม ป.พ.พ.ม. ๑๓๘๒ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิครอบครองจะใช้ยันโจทก์ไม่ได้นั้น ตาม ป.พ.พ.ม. ๑๓๘๒ มิได้บัญญัติเช่นนั้นไม่มีทางจะแปลได้ดังจำเลยอ้างและที่จำเลยว่าตามฟ้องโจทก์อ้างอำนาจปรปักษ์ต่อสู้กับ ม.ล.หญิงสงวนเท่านั้น ไม่ได้ต่อสู้กับคนอื่น ๆ ฉะนั้น เมื่อ ม.ล.หญิงสงวนรับโอนที่พิพาทหมดยังไม่ถึง ๑๐ ปี โจทก์จะเอาที่นั้นไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์อ้างสิทธิครอบครองเพื่อล้างกรรมสิทธิของผู้ที่มีชื่อในโฉนดทั้งสิ้นไม่ใช่อ้างยันแต่เฉพาะ ม.ล. หญิงสงวนเท่านั้น ฉนั้นไม่ว่า ม.ล.หญิงสงวนจะได้มีชื่อถือกรรมสิทธิในโฉนดแต่เมื่อใดก็ย่อมถูกล้างไปด้วย ศาลฎีกาพิพากษายืน