คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ขายที่ดินรวมทั้งที่ปลูกบ้านพิพาทไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ ต้องถือว่าบ้านพิพาทซึ่งเป็นส่วนควบย่อมโอนไปด้วยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ ในบ้านพิพาทแล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาทและร่วมส่งมอบบ้านให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 500 บาท จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงได้ความตามคำเบิกความของโจทก์ว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 758 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ทั้ง 18 ไร่ รวมทั้งที่ปลูกบ้านพิพาทด้วย โจทก์ได้ขายให้แก่ผู้อื่นไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ ซึ่งการขายที่ดินรายนี้โจทก์ก็มิได้นำสืบว่าให้ยกเว้นบ้านพิพาทไว้เป็นพิเศษแต่อย่างใด ดังนั้นจึงต้องถือว่าบ้านพิพาทซึ่งเป็นส่วนควบย่อมโอนไปด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 107 ผู้รับโอนย่อมเป็นเจ้าของบ้านพิพาทนี้ด้วย เห็นว่าขณะฟ้องคดีนี้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทนี้แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ปัญหาว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยจึงไม่ต้องวินิจฉัย”

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาล โดยกำหนดค่าทนายความรวม 1,000 บาท แทนจำเลย

Share