คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1392/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เจ้ามรดกตาย ที่ดินเป็นมรดกตก ได้แก่ภริยากับ พ.และส.บุตร ต่อมาภริยาเจ้ามรดกตาย พ. ได้เข้าครอบครองที่ดินส่วนของภริยาเจ้ามรดกโดยขอรับโอนมรดกที่ดิน เป็นการยืนยันเจตนาว่าประสงค์เอาที่ดินส่วนนี้เป็นของตน ครั้ง พ. ตาย จำเลยได้ครอบครองต่อมาเช่นนี้ ที่ดินส่วนของภริยาเจ้ามรดกจึงตก เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครอง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินโฉนดเลขที่ 3705 โดยโจทก์รับมรดกมาจากนางสังวาลย์ จำเลยที่ 1 ได้เบียดบังโอนกรรมสิทธิ์ส่วนที่เป็นของโจทก์รวมอยู่ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบุตร ขอให้เพิกถอนนิติกรรม และโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์คืนแก่โจทก์ หากเพิกเฉยขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย หากไม่สามารถกระทำได้ขอให้ชำระราคาที่ดินแก่โจทก์ด้วย
จำเลยทั้งสามให้การว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นของนางใจ เมื่อนายใจตาย ที่ดินตกเป็นมรดกได้แก่นางยิ้ม ภริยา กับนายเพลินและนางสาวสังวาลย์ บุตร ต่อมา พ.ศ. 2489 นายยิ้มตาย ทายาทตกลงกันว่าผู้ใดออกเงินค่าทำศพผู้นั้นได้รับมรดกที่ดินของผู้ตายนายเพลินออกเงินค่าทำศพแล้วไปขอรับโอนที่ดินอันเป็นมรดก ซึ่งนางสาวสังวาลย์มิได้ไปคัดค้านการขอรับมรดกของนายเพลิน ต่อมานายเพลินตาย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาจึงได้รับมรดกที่ดินพิพาทเข้าครอบครองด้วเจตนาเป็นเจ้าของด้วยความสงบและเปิดเผยตั้งแต่ พ.ศ. 2501 จนถึง พ.ศ. 2523 จึงโอนให้จำเลยที่ 2 ที่ 3คดีโจทก์ขาดอายุความและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 3705 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 35 ไร่ 3 งาน 64 วา เป็นของนายใจ สุขสะอาดปรากฏตามโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.1 เมื่อนายใจตายที่ดินตกเป็นมรดกได้แก่ นางยิ้ม สุขสะอาด ภรรยา กับนายเพลิน สุขสะอาด และนางสังวาลย์ บ้านบางใหญ่ ซึ่งเป็นบุตรนายใจ จำเลยที่ 1เป็นภรรยานายเพลิน จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบุตรนายเพลินกับจำเลยที่ 1 โจทก์เป็นบุตรนางสังวาลย์ นางสังวาลย์ตายก่อนนางยิ้มมารดา นางยิ้มตายก่อนนายเพลิน เมื่อ พ.ศ. 2514 โจทก์ขายที่ดินบางส่วนในโฉนดที่ดินที่ 3705 เนื้อที่ 11 ไร่ 3 งาน 75 วา ให้กับนางทองเจือน สุขสะอาด ต่อมา พ.ศ. 2523 จำเลยที่ 1 ได้ยกที่ดินในโฉนดเลขที่ 3705 ส่วนที่เหลือทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 2, 3
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ โดยการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปี หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเดิมที่ดินทั้งหมดเป็นของนางใจ เมื่อนายใจตาย ที่ดินตกได้แก่นางยิ้ม นายเพลินสามีจำเลยที่ 1 และนางสังวาลย์มารดาโจทก์นางจวน คุ้มทรัพย์ พยานโจทก์ก็เบิกความรับว่า นายเพลินได้ครอบครองที่ดินส่วนที่ได้รับมรดกทางตะวันตกเนื้อที่ 17 ไร่ และตามคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ได้ความว่านายเพลินเป็นคนออกเงินทำศพนางยิ้มมารดา ต่อมานายเพลินขอรับโอนมรดกที่ดินส่วนของนางยิ้มตามเอกสารหมาย ล.3 ซึ่งเป็นการยืนยันเจตนาของนายเพลินว่า ประสงค์เอาที่ดินส่วนของนางยิ้มเป็นของตน และยังมีนายสายหยุด คุ้มทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลบางใหญ่มา 15 ปีแล้วเบิกความเป็นพยานจำเลยยืนยันว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 เป็นผู้ครอบครองที่ดิน 23 ไร่เศษ พยานเป็นผู้สำรวจที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ได้ทำการสำรวจที่ดินที่จำเลยทั้งสามครอบครอง ที่ดินทั้งหมด เนื้อที่ 23 ไร่ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่ สำหรับที่ดินเนื้อที่ 23 ไร่เศษตลอดมาส่วนพยานโจทก์แต่ละคนก็ไม่อาจยืนยันได้ว่า ที่ดินที่จำเลยทั้งสามครอบครองมีเนื้อที่เท่าใด โจทก์จะขายที่ดินส่วนของโจทก์ไปแล้วหรือไม่ พยานก็ไม่ทราบ ขายไปเนื้อที่เท่าใดก็ไม่ทราบ พนายหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ดีกว่าพยานโจทก์ฟังได้ว่าเมื่อนางยิ้มตาย นายเพลินได้เข้าครอบครองที่ดินส่วนของนางยิ้มด้วยโดยเจตนาเป็นเจ้าของโดยเปิดเผยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2489 และจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ได้ครอบครองต่อมาที่ดินส่วนของนางยิ้มที่เป็นมรดกตกได้แก่นางสังวาลย์มารดาโจทก์จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 โดยการครอบครอง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share