คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ตามรายงานชันสูตรบาดแผลประกอบคำเบิกความของแพทย์จะลงความเห็นว่ารักษา 20 วันหาย เมื่อปรากฏบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับมี 5 แห่ง บาดแผลสำคัญคือแผลถูกแทงที่หน้าท้องกว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตร ลึก 2.5 เซนติเมตร ประกอบกับคำของผู้เสียหายว่ารักษาตัวที่สถานีอนามัยและที่บ้านรวม 24 วันแผลจึงหาย ทั้งยังต้องพักรักษาตัวอยู่อีก 2 เดือน จึงทำงานได้ตามปกติ เช่นนี้ นับได้ว่าผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน เป็นอันตรายสาหัส

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗, ๘๓ โดยกล่าวฟ้องว่าจำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงถูกร่างกายนายหนาย เรืองจันทึก จนเกิดอันตรายทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา และจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗, ๘๓ จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๙ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ ไว้ ๖ ปี ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ตามมาตรา ๗๘ หนึ่งในสามคงเหลือโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ หกปีริบมีดของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่ามิได้กระทำความผิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๘๓ จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๑ ปี ๖ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ ไว้ ๑ ปี ริบมีดของกลาง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาที่ว่า บาดเจ็บของผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายถึงสาหัสหรือไม่พิเคราะห์บาดแผลของผู้เสียหายมี ๕ แห่งซึ่งถูกทำร้ายโดยของแข็งมีคมและไม่มีคม คือแผลถูกแทงที่หน้าท้อง แผลที่ริมฝีปากด้านบนทำให้ฟันโยกคลอน ๒ ซี่ แผลถลอกที่ข้อศอกขวา แผลถูกแทงที่ใต้คิ้วขวา บาดแผลสำคัญคือแผลถูกแทงที่หน้าท้องกว้าง ๐.๕ เซนติเมตรประกอบกับคำผู้เสียหายก็ได้ความว่า ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ที่สถานีอนามัยและที่บ้านรวมระยะเวลา ๒๔ วันแผลจึงหายทั้งยังพักรักษาตัวอยู่อีก ๒ เดือน จึงทำงานได้ตามปกติ นับว่าผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน อันเป็นบาดแผลสาหัสตามกฎหมาย แม้ตามรายงานชันสูตรบาดแผลประกอบกับคำของนายประสาน อนุรัตน์ แพทย์อนามัยอำเภอท้องที่เกิดเหตุจะมีว่ารักษา ๒๐ วันหายก็เป็นเรื่องความเห็นโดยกะประมาณเอา ไม่อาจจะฟังหักล้างคำผู้เสียหายดังกล่าวได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จากคำผู้เสียหายที่ว่าถูกแทงแล้วยังลุกขึ้นเดินทางต่อไปได้ไกลถึง ๒๕ เส้นจนพบนายปอย แสดงว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ปรากฏว่าบาดแผลถูกแทงที่หน้าท้องลึก ๒.๕ เซนติเมตร ไม่ปรากฏว่าลึกถึงอวัยวะภายใน การที่ผู้เสียหายต้องพักรักษาตัวอยู่อีก ๓ เดือนหลังบาดแผลหายจึงทำงานได้ตามปกตินั้น เป็นกรณีที่ผู้เสียหายไม่สมัครใจทำงานตามปกติเอง จึงเป็นบาดแผลไม่สาหัสตามกฎหมายนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เพราะผู้เสียหายมีอายุถึง ๖๐ ปี และมีอาชีพทำนาซึ่งเป็นงานหนัก ทั้งไม่ปรากฏเลยว่าผู้เสียหายไม่สมัครใจทำงานดังที่อ้างถึง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นแต่เกี่ยวกับดุลพินิจในการลงโทษจำเลยทั้งสองนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าอัตราโทษกรณีนี้จำคุกได้อย่างสูงเพียงไม่เกิน ๑๐ ปี ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ ถึง ๙ ปี โดยไม่มีพฤติการณ์อันร้ายแรงเป็นพิเศษแต่อย่างใดไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗, ๘๓ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้แทงผู้เสียหาย ๕ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ชกผู้เสียหายล้มลง ๓ ปี จำเลยที่ ๑ นำสืบรับว่าได้แทงผู้เสียหายโดยอ้างเหตุว่าป้องกันตัว ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ปรานีลดโทษลง ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๓ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share