แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กระดาษสลากที่ปิดรอบก้อนถ่านไฟฉายซึ่งมีชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้สั่งมาจากต่างประเทศนั้น มีลักษณะเป็นสิ่งที่สำเร็จรูปมาแล้ว ไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น ก็นำมาใช้ได้ทันทีจึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77ส่วนการที่โจทก์นำแผ่นสลากนี้ไปทำการต่างๆ เพื่อใช้สวมกับถ่านไฟฉายก็เพื่อประโยชน์ในการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นการค้าสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่ง
ย่อยาว
คดีนี้ โจทย์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรม โดยมีโรงงานผลิตถ่านไฟฉาย “เอเวอเรดี้” ออกจำหน่ายในประเทศ จำเลยที่ ๒ ในฐานะเจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้า ได้แจ้งการประเมินภาษีการค้ามายังโจทก์ตามแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้า (แบบ ภ.ค. (พ) ๘ ) ที่ กค/ ๐๘๐๕ / ก๓๐๓๑ อ้างว่าโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้าสำหรับเดือนธันวาคม ๒๕๐๗ ไว้ไม่ถูกต้อง กล่าวคือการที่โจทก์ได้นำแผ่นสลากที่มีชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์เข้ามาในราชอาณาจักร และได้คำนวณรายรับโดยบวกกำไรมาตรฐานเพียงร้อยละ ๑๐ และเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ ๑.๕ นั้นไม่ถูกต้อง ที่ถูกจะต้องเป็นอัตรากำไรมาตราฐานร้อยละ ๑๕ และต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ ๕ จึงประเมินภาษีการค้าที่ต้องชำระเพิ่มเติมเป็นเงิน ๒,๐๐๕.๓๓ บาท เงินเพิ่ม ๑๔๐.๓๗ บาท เบี้ยปรับ ๒,๐๐๕.๓๓ บาท และภาษีบำรุงเทศบาล ๔๑๕.๑๐ บาท รวม ๔,๕๖๖.๑๓ บาท โจทก์จึงได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีเพิ่มเติมดังกล่าว ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วยจำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ ว่า แผ่นสลากที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นกระดาษอาบด้วยไขเซลลิวโลซ แอนซีเทท ไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูป ขอให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งเพิกถอนการประเมินภาษีเพิ่มเติมดังกล่าวเสีย คณะกรรมการได้วินิจฉัยว่าแผ่นสลากดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามมาตรา ๗๗ แห่งประมวลรัษฎากร จึงต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ ๕ ของรายรับ การประเมินภาษีของเจ้าพนักงานเป็นการถูกต้อง แต่การที่โจทก์ได้คำนวณรายรับโดยบวกกำไรมาตราฐานเพียงร้อยละ ๑๐ นั่น ก็เป็นการถูกต้อง จึงพิจารณาคำนวณภาษีให้ใหม่ โดยงดเรียกเก็บเบี้ยปรับ และภาษีบำรุงเทศบาลเฉพาะส่วนที่คำนวณจากเบี้ยปรับให้ คงเรียกเก็บเป็นเงิน ๒,๒๑๖.๓๕ บาท แต่โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการที่ว่า แผ่นสลากของโจทก์ดังกล่าวเป็นสินค้าสำเร็จรูป แผ่นสลากที่มีชื่อ และเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์ได้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบส่วนหนึ่งในการประกอบอุตสาหกรรมผลิตถ่านไฟฉายของโจทก์ และมิได้นำแผ่นสลากนี้ไปจำหน่าย แก่โรงงานอุตสาหกรรมผลิตถ่านไฟฉายอื่น ๆ หรือแก่บุคคลทั่วไปในลักษณะหรือสภาพที่เป็นแผ่นสลากโดยเฉพาะ ส่วนการใช้แผ่นสลากนี้ในการประกอบอุตสาหกรรมผลิตถ่านไฟฉายของโจทก์ก็จำต้องผ่านกรรมวิธีในการผลิต โดยมีการดัดแปลงอีกหลายขั้น แผ่นสลากพิพาทไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูป โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้า ในอัตราเพียงร้อยละ ๑.๕ ของรายรับ ขอให้พิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีการค้าของจำเลยที่ ๒ ตามแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้าที่ กค/ ๐๘๐๕ /ก ๓๐๓๑ และตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๓,๔,๕ ที่ให้โจทก์ชำระภาษีเพิ่มเติมเป็นเงิน ๒,๒๑๖.๓๕ บาท และขอให้พิพากษาว่า แผ่นสลากของโจทก์มิใช่สินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร
จำเลยทั้งห้าให้การว่า สินค้าแผ่นสลากของโจทก์เป็นผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผ่านการผลิตสำเร็จเรียบร้อยมาแล้ว ตามสภาพเป็นสินค้าสำเร็จรูปที่อาจนำไปอุปโภค การที่จะพิจารณาว่าสินค้าใดเป็นสินค้าสำเร็จรูป ต้องพิจารณาถึงสภาพของสินค้านั้นเองว่า อาจอุปโภคบริโภคเป็นหลัก มิใช่พิจารณาถึงตัวบุคคลผู้ใช้หรือจุดประสงค์ของการใช้เป็นหลักดังฟ้องของโจทก์ เมื่อแผ่นสลากดังกล่าวตามสภาพพร้อมที่จะนำไปอุปโภคได้แล้ว แม้การที่โจทก์สั่งซื้อและนำสินค้าแผ่นสลากนี้เข้ามาเพื่อประโยชน์ในการผลิตถ่านไฟฉายก็ดี ก็หาทำให้แผ่นสลากดังกล่าวเปลี่ยนสภาพจากสินค้าสำเร็จรูปเป็นสินค้าไม่สำเร็จรูปได้ไม่ ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นพิจารณา โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อเดียวว่า สลากที่มีชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือไม่ โจทก์จำเลยไม่สืบพยานและรับข้อเท็จจริงกันดังนี้ :-
๑. โจทก์ได้สั่งสินค้าแผ่นสลากดังกล่าวมาจากต่างประเทศเป็นแผ่น ๆ
๒. โจทก์ต้องนำแผ่นสลากนี้ไปปิดกับห่อกระดาษแข็ง
๓. เมื่อปิดเรียบร้อยแล้ว ต้องตัดเป็นท่อน ๆ ขนาดเท่ากับขนาดถ่านไฟฉาย
๔. แล้วนำไปสวมกับถ่านไฟฉาย เสร็จแล้วนำเข้าเครื่องจักรผนึกหัวท้ายด้วยแผ่นดีบุก จึงสำเร็จรูปเป็นถ่านไฟฉาย
๕.แผ่นสลากดังกล่าว โจทก์ไม่ได้นำออกจำหน่ายเป็นแผ่น ๆ แต่นำไปใช้ดังกล่าวในข้อ ๒,๓, และ ๔
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า แผ่นสลากของโจทก์โดยสภาพเป็นสินค้าสำเร็จรูป พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แผ่นสลากดังกล่าวจำต้องดัดแปลงหรือผสม นำเข้าสวมกับถ่านไฟฉายซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญชองการประกอบอุตสาหกรรมของโจทก์ จึงจะสำเร็จเป็นรูปในสภาพของถ่านไฟฉายอุปโภคได้สมประโยชน์ของการประกอบการของโจทก์ ลำพังแต่แผ่นสลากที่โจทก์สั่งเข้ามาเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นสินค้าซึ่งอาจอุปโภคบริโภคได้ไม่
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้เพิกถอนการประเมินภาษีของจำเลยที่ ๒ และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๓,๔,๕
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะได้ความตามที่โจทก์แถลงว่า โจทก์ไม่ได้นำออกจำหน่ายเป็นแผ่น ๆ ก็ดี แต่จะเห็นได้ว่าแผ่นสลากนี้มีลักษณะเป็นสิ่งที่สำเร็จรูปมาแล้ว โดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นอีก ก็นำมาใช้ได้ทันที การที่โจทก์นำสลากแผ่นนี้ไปทำการต่าง ๆ เพื่อใช้สวมกับถ่านไฟฉายดังที่โจทก์แถลงไว้ ก็เพื่อประโยชน์ในการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นการค้าสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่ง แผ่นสลากที่พิพาทกันนี้ จึงเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๗
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาชั้นต้น