แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทจำเลยและสหภาพแรงงานฯ ซึ่งโจทก์เป็นสมาชิกอยู่ด้วยได้แจ้งข้อเรียกร้องเพื่อขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างต่อกัน แม้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้ไกล่เกลี่ยแล้วก็ไม่สามารถตกลงกันได้ จำเลยได้เสนอข้อตกลงไปยังลูกจ้างโดยตรง ลูกจ้างจำนวน 623 คน เห็นด้วยจึงทำสัญญาตามข้อเสนอของจำเลย โจทก์และลูกจ้างประมาณ 90 คน ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมทำสัญญา จำเลยย่อมมีสิทธิปิดงานบางส่วนได้โดยชอบและไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ในระหว่างปิดงาน
การปิดงานตามความหมายของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์มาตรา 5 มิได้บังคับว่านายจ้างต้องหยุดหรือปิดกิจการทั้งหมดและจะให้ลูกจ้างอื่นทำงานต่อไปไม่ได้ ฉะนั้น จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินกิจการไปตามปกติหรือมีสิทธิให้พนักงานอื่นเข้าทำงานต่อไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า บริษัทจำเลยและสหภาพแรงงานไทยบริดจสโตนได้แจ้งข้อเรียกร้องขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างซึ่งกันและกัน และกลายเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ จำเลยได้ทำสัญญาเกี่ยวกับสภาพการจ้างในเรื่องข้อเรียกร้องดังกล่าวให้ลูกจ้างลงลายมือชื่อเป็นรายบุคคล หลังจากนั้นก็ได้มีคำสั่งปิดงานลูกจ้างจำนวน ๙๐ คนที่ไม่ได้ลงลายมือชื่อทำสัญญากับจำเลย การปิดงานของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เจตนากลั่นแกล้งโจทก์ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์ทั้งสิบแปดคนกลับเข้าทำงาน พร้อมกับได้รับสิทธิประโยชน์ตามสภาพการจ้างเดิม และให้จำเลยจ่ายค่าจ้าง ค่าครองชีพ เบี้ยขยัน โบนัส ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี เงินช่วยเหลือเพื่อการพบปะสังสรรค์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เมื่อพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานไกล่เกลี่ยแล้ว จำเลยกับสหภาพแรงงานก็ไม่สามารถตกลงกันได้ จำเลยมีความประสงค์จะระงับข้อพิพาทแรงงานโดยได้รับความร่วมมือจากลูกจ้าง ๖๒๓ คน ยินยอมทำสัญญาตามข้อตกลงที่จำเลยเสนอ ระหว่างการเจรจาลูกจ้างบางส่วนชะลอการทำงาน บ่อนทำลายเครื่องจักร ผสมเศษโลหะลงในวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมีหนังสือเวียนถึงลูกค้าเพื่อให้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ของจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงมีคำสั่งปิดงาน จำเลยปิดงานในระหว่างที่ข้อเรียกร้องเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้เป็นการปิดงานโดยชอบ หลังจากปิดงานแล้วจำเลยจะให้ลูกจ้างคนใดเข้าทำงานเป็นสิทธิของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างพิจารณาของศาลแรงงานกลาง คู่ความแถลงรับกันว่า โจทก์ได้เข้าทำงานตามเดิมแล้ว
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การที่จำเลยปิดงานงดจ้างเฉพาะโจทก์กับลูกจ้างอื่นประมาณ ๙๐ คน ซึ่งไม่ยอมทำสัญญาตามข้อเสนอของจำเลย ไม่เป็นการปิดงานเนื่องจากมีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสิบแปด
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าจำเลยและสหภาพแรงงานไทยบริดจสโตนซึ่งโจทก์ทั้งสิบแปดเป็นสมาชิกได้แจ้งข้อเรียกร้องเพื่อขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างต่อกัน แต่จำเลยกับสหภาพแรงงานไทยบริดจสโตนไม่สามารถตกลงตามข้อเรียกร้องนั้นได้ พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้ไกล่เกลี่ยตามกฎหมายแล้ว แต่จำเลยกับสหภาพแรงงานดังกล่าวก็ยังตกลงกันไม่ได้เช่นเดิม ดังนั้น จำเลยจึงเสนอข้อตกลงของจำเลยไปยังลูกจ้างโดยตรง ลูกจ้างของจำเลยจำนวนหนึ่งประมาณ ๖๒๓ คน เห็นด้วยจึงทำสัญญาตามข้อเสนอของจำเลย ส่วนโจทก์ทั้งสิบแปดกับลูกจ้างอีกจำนวนหนึ่งประมาณ ๙๐ คน ไม่เห็นด้วย จึงไม่ยอมทำสัญญาตามข้อเสนอดังกล่าว ต่อมาจำเลยมีคำสั่งปิดงานโดยไม่ให้โจทก์ทั้งสิบแปดกับลูกจ้างซึ่งไม่ยอมทำสัญญาตามข้อเสนอของจำเลยเข้าทำงานตามปกติ ส่วนลูกจ้างซึ่งยอมทำสัญญาตามข้อเสนอของจำเลยนั้น จำเลยได้ให้เข้าทำงานตามปกติ แต่ในระหว่างพิจารณาของศาลแรงงานกลาง ทำเลยได้ให้โจทก์ทั้งสิบแปดเข้าทำงานเช่นเดียวกับลูกจ้างอื่นแล้ว ปัญหามีว่า การที่จำเลยมิได้รับโจทก์ทั้งสิบแปดเข้าทำงานก่อนนำคดีมาสู่ศาลเป็นการปิดงานโดยชอบหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๒๒ วรรคสาม ได้บัญญัติให้สิทธิแก่นายจ้างที่จะปิดงานหรือลูกจ้างที่จะนัดหยุดงาน ในกรณีที่ข้อพิพาทเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานไทยบริดจสโตน ซึ่งโจทก์ทั้งสิบแปดเป็นสมาชิกและเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างย่อมมีสิทธิปิดงาน การที่จำเลยปิดงานจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย และจากการที่จำเลยปิดงานดังกล่าว เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสิบแปมิได้ทำงานให้จำเลยตามสัญญาจ้างแรงงานจำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างและค่าเสียหายใด ๆ ให้แก่โจทก์ ส่วนที่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยสั่งปิดงานแล้ว แต่จำเลยยังคงให้ลูกจ้างอื่นเข้าทำงานต่อไป โดยไม่ได้หยุดหรือปิดกิจการนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๕ ได้ให้ความหมายของคำว่า “การปิดงาน” หมายความว่า การที่นายจ้างปฏิเสธไม่ยอมให้ลูกจ้างทำงานชั่วคราวเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานเท่านั้น มิได้บังคับว่านายจ้างต้องหยุดหรือปิดกิจการ หรือจะให้ลูกจ้างอื่นทำงานต่อไปมิได้ ฉะนั้น จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินกิจการของจำเลยไปตามปกติ หรือมีสิทธิให้พนักงานอื่นเข้าทำงานต่อไปได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายแต่อย่างใด
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง