คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1384/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นคนงานโรงบ่มใบยา อยู่ในบังคับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายสถานีโรงบ่มเมื่อจำเลยที่ 1 ตะโกนให้จำเลยที่ 2 เอาปืนมาให้เร็วจำเลยที่ 2 ก็นำปืนลูกกรดมาให้ที่บันไดหลังบ้านพักของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ใช้ปืนนั้นยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยที่ 2 ยังไม่ควรมีความผิดฐานสมรู้ด้วยจำเลยที่ 1 เพราะไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นเป็นใจช่วยเหลืออุปการะในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ได้กระทำไปนั้นก็โดยเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และไม่ทราบว่าจำเลยที่ 1 จะเรียกเอาปืนไปเพื่อประโยชน์อันใด.

ย่อยาว

เรื่อง ฆ่าคนโดยเจตนา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง ๓ สมคบกันใช้ปืนยิงนายสุบินตายโดยเจตนา
จำเลยทั้ง ๓ ปฏิเสธ
ศาลจังหวัดหนองคายฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ ได้รับยกเว้นโทษตามมาตรา ๕๐ กฏหมายลักษณะอาญา ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๑ ผิดมาตรา ๒๔๙ รับขั้นสอบสวนลดโทษให้ ๑ ใน ๓ จำคุก ๑๐ ปี จำเลยที่ ๒ ผิดตาม ม.๒๔๙ – ๖๕ ให้จำคุก ๑๐ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ – ๒ ฏีกา
ศาลฏีกาฟังว่าจำเลยที่ ๑ ผิด ม. ๒๔๙
ส่วนจำเลยที่ ๒ นั้นได้ความว่าเป็ฯคนงานโรงบ่มใบยาของโรงงานยาสูบซึ่งอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ ๑ (จำเลยที่ ๑ิ เป็นนายสถานีโรงบ่มยา) เมื่อจำเลยที่ ๑ ตะโกนให้จำเลยที่ ๒ เอาปืนมาให้เร็ว จำเลยที่ ๒ ก็นำปืนลูกกรดมาให้ที่บันไดหลังบ้านพักของจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ได้ใช้ปืนนั้นยิงนายสุบินถึงแก่ความตาย ศาลฏีกาเห็นว่าจำเลยที่ ๒ ยังไม่ควรมีความผิดฐานสมรู้ด้วยจำเลยที่ ๑ ดังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพราะไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยที่ ๒ ได้รู้เห็นเป็นใจช่วยเหลืออุปการะในการกระทำผิดของจำเลยที่ ๑ ที่จำเลยที่ ๒ ได้กระทำไปนั้นก็โดยเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ ๑ และไม่ทราบว่าจำเลยที่ ๑ จะเรียกเอาปืนไปเพื่อประโยชน์อันใด
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ ๒ ยังไม่ผิด ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๒ นอกจากนี้คงยืน.

Share