คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซิตี้แบงก์แชร์เพาเวอร์เอกสารหมาย จ.1 ระบุให้โจทก์เปิด “บัญชีทดรองจ่าย” ให้แก่จำเลย และทดรองจ่าย “เงินทดรอง” แทนจำเลยในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ในสัญญาข้อ 5 ข้อ 9 และข้อ 10 จำเลยตกลงให้สิทธิแก่โจทก์ในการนำเงินค่าขายหลักทรัพย์และดอกผลของหลักทรัพย์ที่จำเลยมีสิทธิได้รับไปหักทอนบัญชีหรือหักกลบลบหนี้เพื่อชำระหนี้ได้ทุกครั้ง ข้อตกลงซึ่งโจทก์จำเลยแสดงต่อกันเช่นนี้จึงต้องด้วยลักษณะของสัญญาบัญชีเดินสะพัด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 856 ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 ส่วน “บัญชีทดรองจ่าย” และการทดรองจ่าย “เงินทดรอง” ในการซื้อขายหลักทรัพย์ของจำเลยผ่านบริษัทหลักทรัพย์ อ. เป็นเพียงวิธีการตามที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้บรรลุตามเจตนาของจำเลยที่มุ่งประสงค์จะทำธุรกรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น หาเกี่ยวกับข้อตกลงตามสัญญาซึ่งต้องด้วยลักษณะของบัญชีเดินสะพัดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวน 8,629,161.55 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปี ในต้นเงิน 6,765,796.80 บาท คิดถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ชำระหนี้หรือชำระไม่ครบถ้วนก็ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19853 ตำบลบางซื่อ (บางเขนฝั่งใต้) อำเภอดุสิต (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 93/91 บนที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยนำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 6,765,796.80 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2538 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19853 ตำบลบางซื่อ (บางเขนฝั่งใต้) อำเภอดุสิต (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี แก่โจทก์ จากต้นเงินจำนวน 6,765,796.80 บาท นับแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2538 จนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจตรวจวินิจฉัยว่า สัญญาซิตี้แบงก์แชร์เพาเวอร์ มิใช่บัญชีเดินสะพัด แต่เป็นสัญญาทดรองจ่าย โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นอีกทั้งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7) โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2540 เกินสองปีนับแต่วันที่ 5 (ที่ถูกวันที่ 10) พฤษภาคม 2538 ที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องได้ คดีจึงขาดอายุความ หรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาซิตี้แบงก์แชร์เพาเวอร์ ซึ่งระบุให้โจทก์เปิด “บัญชีทดรองจ่าย” ให้แก่จำเลย และทดรองจ่าย “เงินทดรอง” แทนจำเลยในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ในสัญญาข้อ 5 ข้อ 9 และข้อ 10 จำเลยตกลงให้สิทธิแก่โจทก์ในการนำเงินค่าขายหลักทรัพย์และดอกผลของหลักทรัพย์ที่จำเลยมีสิทธิได้รับไปหักทอนบัญชีหรือหักกลบลบหนี้เพื่อชำระหนี้ได้ทุกครั้ง ข้อตกลงซึ่งโจทก์จำเลยแสดงต่อกันเช่นนี้จึงต้องด้วยลักษณะของสัญญาบัญชีเดินสะพัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 856 ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความสิบปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 ส่วน “บัญชีทดรองจ่าย” และการทดรองจ่าย “เงินทดรอง” ในการซื้อขายหลักทรัพย์ของจำเลยผ่านบริษัทหลักทรัพย์แอ็ดคินซัน จำกัด เป็นเพียงวิธีการตามที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้บรรลุตามเจตนาของจำเลยที่มุ่งประสงค์จะทำธุรกรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น หาเกี่ยวกับข้อตกลงตามสัญญาซึ่งต้องด้วยลักษณะของบัญชีเดินสะพัดดังวินิจฉัยมาแล้วไม่ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ และโจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ตามสัญญาข้อ 8 ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 6,083,265.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2538 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ในอัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์บวกด้วยส่วนต่างสูงสุดสำหรับสินเชื่อที่มีหลักประกัน กับประกาศของโจทก์เรื่องอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อฉบับที่โจทก์จะประกาศต่อ ๆ ไป หลังวันฟ้องตามช่วงระยะเวลาที่ประกาศดังกล่าวแต่ละฉบับมีผลใช้บังคับ แต่ดอกเบี้ยหลังวันฟ้องทุกอัตราต้องไม่เกินกว่าอัตราร้อยละ 16 ต่อปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share