คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคดีของโจทก์ขึ้นพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 181 และ 166 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยโดยวินิจฉัยว่าคำสั่งศาลชั้นต้น ที่สั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าคำสั่งของศาลชั้นเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น มิใช่คำสั่งระหว่างพิจารณานั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉํย
กรณีที่ศาลชั้นต้นไม่ได้ให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบคัดค้านคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์ จำเลยจะต้องยกปัญหาข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวเสียภายในเวลาไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้ทราบคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง
ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนสืบพยานโจทก์ 1 ปากเสร็จแล้ว สืบว่าคดีเสร็จการไต่สวน ให้นัดฟังคำสั่ง และศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน2516 จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบรายการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียนนั้นแล้ว แต่จำเลยมายื่นอุทธรณ์คำสั่งเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2516 จึงล่วงเวลาที่จำเลยอาจจะยกขึ้นว่ากล่าวได้เสียแล้ว ศาลต้องยกคำร้องขอให้รับอุทธรณ์ของจำเลยนั้นเสีย

ย่อยาว

คดีเดิมโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์มีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา เมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกคดีอาญาแล้วได้ไปศาล และให้การแก้ข้อหาว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง และจำเลยขอให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ตลอดข้อหา

ครั้นถึงวันที่ศาลชั้นต้นกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ คือวันที่ 5 กรกฎาคม2516 เวลา 9 นาฬิกา โจทก์ทราบนัดแล้วโจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาล จำเลยมาศาลชั้นต้นอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 181 และ 166 มีคำสั่งให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย ในวันนั้นเองหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ยกฟ้องแล้ว ทนายโจทก์ได้มายื่นคำร้องขอเลื่อนวันนัดพิจารณาอ้างว่าติดธุระเดินทางไปต่างจังหวัดกลับมาไม่ทันกำหนดนัดศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้อง ในวันเดียวกันนี้ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งว่า เนื่องจากโจทก์จดเวลานัดสืบพยานโจทก์ของศาลผิด จากเวลา 9 นาฬิกาเป็นเวลา 13.30 นาฬิกา โจทก์มิได้มีเจตนาจะละทิ้งคดี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวน จำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน คำร้องของโจทก์ว่าไม่มีเหตุผลสมควร

ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้ว มีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่โดยได้อ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2516

วันที่ 25 กันยายน 2516 จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งศาลชั้นต้น โดยขอให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของโจทก์เสีย หรือมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนพยานของจำเลยผู้ร้องคัดค้านให้เสร็จเสียก่อน แล้วจึงมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ โดยวินิจฉัยว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา

จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาว่า จำเลยอุทธรณ์ทันทีไม่ได้ ให้ยกคำร้อง

จำเลยฎีกาว่า อุทธรณ์ของจำเลยไม่ใช่อุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาแต่เป็นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้น และอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในข้อที่ศาลชั้นต้นก้าวล่วงข้ามไปมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาในศาลชั้นต้นให้ครบถ้วนไม่ให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบคัดค้าน ซึ่งต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฎีกาในปัญหาข้อแรกของจำเลยที่ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นมิใช่คำสั่งระหว่างพิจารณานั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ให้

สำหรับประเด็นปัญหาข้อที่สอง เรื่องศาลชั้นต้นไม่ได้ให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบคัดค้านคำร้องของโจทก์นั้น เห็นว่า แม้จะฟังว่ากรณีนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องคำขอที่อาจทำได้แต่ฝ่ายเดียว โดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(2) ซึ่งศาลจะต้องให้โอกาสคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านเสียก่อนทำคำสั่งก็ตาม แต่กรณีก็ย่อมจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสองด้วยเช่นเดียวกัน กล่าวคือ จำเลยจะต้องยกปัญหาข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวเสียภายในเวลาไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้ทราบคำสั่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนสืบพยานโจทก์ 1 ปากเสร็จแล้ว สั่งว่าคดีเสร็จการไต่สวน ให้นัดฟังคำสั่ง ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 10 กันยายน 2516 และศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2516 จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นแล้ว แต่จำเลยมายื่นอุทธรณ์คำสั่งเอาเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2516 จึงล่วงเวลาที่จำเลยอาจจะยกขึ้นว่ากล่าวได้เสียแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วยในผลของคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้อง ขอให้รับอุทธรณ์ของจำเลยเสีย

พิพากษายืน

Share