แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ได้รับอนุญาตให้ค้าอาวุธปืน รับซื้อปืนจากเจ้าของผู้ได้รับอนุญาตให้มีไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเมื่อชำระเงินกันเสร็จแล้วรับปืนที่ซื้อนั้นไว้ ในร้านแล้วดำเนินการทำคำร้องขออนุญาตโอนต่อนายทะเบียนแต่ถูกเจ้าพนักงานจับปืนราย+เสียก่อน ต่อมาจึงได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมตำรวจให้โอนได้ ดังนี้ย่อมถือว่าผู้รับซื้อ “มี” ปืนไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ก่อน มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 2490 มาตรา 7, 72 และ+ผิดฐานมีปืนไว้นอกบัญชีตาม+กำหนดไว้ในกฎกระทรวงตามมาตรา 28, 81 ด้วย
ย่อยาว
คดีได้ความว่า จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ค้าอาวุธปืน ปืนของกลางเป็นของนายสวัสดิ์และนายชั้นคนละกระบอก ซึ่งเจ้าของได้รับอนุญาตให้มีไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยซื้อไว้จากเจ้าของเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๔๙๒ ได้ชำระเงินกันเสร็จแล้ว รุ่งขึ้นวันที่ ๑๔ จำเลยได้ทำคำร้องขออนุญาตรับโอนต่อนายทะเบียนเจ้าหน้าที่เสนอคำร้องของจำเลยไปตามลำดับ แต่เจ้าพนักงานจับปืนรายนี้เสียเมื่อวันที่ ๒๘ เดือนมีนาคมนั้นเอง ถึงวันที่ ๒๕ เดือนเดียวกันนั้นจำเลยก็ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมตำรวจให้โอนได้ โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตและเอาปืนมาไว้ในร้านค้าของจำเลย โดยไม่มีบัญชีให้ตรงกับจำนวนอาวุธปืน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามพฤตติการณ์ดั่งกล่าวจำเลยยังไม่ควรมีความผิด พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๒๘, ๗๒, ๘๑ ให้รวมกะทงปรับ ๑๐ บาท ปืนของกลางคืนจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยได้รับเอาปืนของกลางไว้ในร้านของจำเลยก็ต้องถือว่าจำเลย “มี” ปืนของกลางไว้ในครอบครองตามคำวิเคราะห์ศัพท์มาตรา ๔(๖) แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ๒๔๙๐ และไม่ใช่เป็นเรื่องที่ปืนของกลางตกอยู่ในความครอบครองของจำเลย ๆ มีความจำเป็นต้องรักษาไว้มิให้ศูนย์หายเลย ฉะนั้นเมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ก่อน จำเลยก็ต้องมีความผิดตามมาตรา ๗ ซึ่งจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา ๗๒ และเมื่อจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ค้าอาวุธปืนจำเลยมีปืนของกลางไว้นอกบัญชีตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ก็ต้องเป็นความผิดตามมาตรา ๒๘ ซึ่งจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา ๘๑
จึงพิพากษา