คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าเพียงแต่ลงลายมือชื่อให้ไว้ในสัญญาเฉยๆ และกู้เงินเพียง 200บาท แต่โจทก์ไปกรอกจำนวนเงินเป็น 9,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ดังนี้ ย่อมรับฟังพยานบุคคลได้ เพราะเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และไม่จำต้องมีพยานเอกสารมาสืบหักล้าง
สามีภรรยามิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน สามีไปกู้เงินมาแต่ไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้ได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่ ผู้ให้กู้ว่าให้กู้เพราะสามีนั้นเป็นลุง และเชื่อหลักฐานของสามีจึงเป็นเรื่องส่วนตัวของสามี ภรรยาไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับสามี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นภรรยาและบุตรผู้ตายชำระเงินกู้ซึ่งผู้ตายกู้โจทก์ไป

จำเลยสู้ว่า บุตรทั้ง 6 ไม่ใช่บุตรผู้ตาย มรดกของผู้ตายมิได้ตกแก่จำเลยผู้ตายกู้เงินโจทก์เพียง 200 บาท ไม่ได้กู้ 9,000 บาท สัญญากู้ท้ายฟ้องปลอม ผู้ตายลงชื่อไว้ในสัญญากู้แล้วพ่อตาโจทก์กรอกข้อความไม่ตรงตามความจริง โจทก์ฟ้องซ้ำและไม่บรรยายให้ชัดแจ้งถึงสภาพแห่งข้อหา จำเลยเสียเปรียบ และหลงข้อต่อสู้

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าฟ้องโจทก์ไม่ใช่ฟ้องซ้ำจำเลยที่ 1 ถึง 6 เป็นบุตรผู้ตาย ผู้ตายกับจำเลยที่ 7 อยู่กินด้วยกันมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ผู้ตายกู้เงินโจทก์ไปเพียง 200 บาท ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ในฐานะผู้รับมรดกกับจำเลยที่ 7 ในฐานะลูกหนี้ร่วม ชำระหนี้ให้แก่โจทก์คนละครึ่ง

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำและไม่เคลือบคลุมจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เป็นผู้สืบสันดานของนายนวนผู้ตาย ผู้ตายกู้เงินโจทก์ไปเพียง 200 บาท เงินที่กู้ไม่ได้ความชัดว่านำไปใช้ในกิจการใด จำเลยที่ 7 จึงไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วม ไม่ต้องรับผิดชำระให้แก่โจทก์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัวจำเลยที่ 7 ให้โจทก์รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียม

โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยใช้เงินเต็มตามฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังว่านายนวนได้กู้เงินโจทก์ไปจริง และโจทก์ได้อ้างหนังสือสัญญากู้รูปคดีควรฟังตามเอกสารสัญญากู้ที่โจทก์อ้างจะฟังตามคำพยานบุคคลไม่ได้นั้น ปรากฏว่าจำเลยต่อสู้ว่านายนวนกู้เงินโจทก์ 200 บาท แล้วเซ็นชื่อในสัญญากู้ที่ยังไม่ได้กรอกข้อความ แล้วฝ่ายโจทก์กรอกข้อความขึ้น แต่กรอกไม่ตรงกับความจริง กลับกรอกข้อความว่านายนวนกู้เงิน 9,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม จึงรับฟังพยานบุคคลได้เพราะเป็นการนำสืบหักล้างเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และไม่จำต้องมีพยานเอกสารมาสืบหักล้างหนังสือสัญญากู้ และเชื่อว่านายนวนกู้เงินโจทก์ไปเพียง200 บาท เท่านั้น

ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 7 อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วม เพราะนายนวนกู้ไปใช้จ่ายในครอบครัว ต้องรับผิดร่วมกันนั้น นายนวนและนางเนื้อมจำเลยที่ 7 เป็นผัวเมียโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิได้จดทะเบียนสมรสเพียงแต่อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน และไม่ได้ความชัดว่าเงินที่กู้มาได้นำไปใช้ในกิจการอันใดแน่โจทก์ว่าให้กู้เพราะนายนวนเป็นลุงและเชื่อหลักทรัพย์นายนวน แสดงว่าโจทก์ให้นายนวนกู้ไปเป็นเรื่องส่วนตัวนายนวนโดยแท้ จำเลยที่ 7 จึงไม่อยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วม

ในเรื่องค่าธรรมเนียม แม้นายนวนจะเป็นผู้ก่อมูลหนี้ให้ แต่ก็เพียง 200 บาท โจทก์กลับมาฟ้องเรียก 9,000 บาท โจทก์จึงควรเป็นฝ่ายรับผิดค่าฤชาธรรมเนียม

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share