แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องขอต่อศาลในกรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ให้ถอนการยึดทรัพย์สินตามมาตรา 158 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายนั้น ผู้ร้องจะต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีที่มีโฉนด 1 แปลง ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องได้ยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าที่ดินที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว มีคำสั่งไม่ให้ถอนการยึดผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้ศาลชั้นต้นสอบสวนหรือสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนใหม่ แล้วมีคำสั่งให้ถอนการยึด
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องตามมาตรา 158แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ให้ตีราคาที่ดินที่ถูกยึดแล้วเสียค่าธรรมเนียมศาลอย่างคดีธรรมดา ผู้ร้องทราบคำสั่งแล้วไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีแพ่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้อง ซึ่งศาลต้องดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งชี้ขาดเหมือนอย่างคดีธรรมดาตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 158 และตามพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2511 มาตรา 11 ก็ได้บัญญัติเป็นการเฉพาะไว้แล้วว่าค่าธรรมเนียมศาลในคดีล้มละลายให้คิดอัตราอย่างไร และได้กล่าวด้วยว่า ค่าธรรมเนียมนอกจากที่ระบุไว้นั้นคิดอัตราเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนี้ค่าธรรมเนียมตามมาตรา 158 จึงเป็นกรณีนอกเหนือจากที่ได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะดังกล่าวแล้ว และกรณีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ได้บัญญัติให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอตามมาตรา 1(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คำร้องขอเป็นคำฟ้อง ฉะนั้นผู้ร้องจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นคำร้องนี้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149
พิพากษายืน